(เพิ่มเติม) ORI เปิดตัวคอนโดฯหรู"ไนท์บริดจ์" 3 โครงการ 3 ทำเลพร้อมกัน รวมมูลค่ากว่า 6 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 28, 2018 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า ในไตรมาส 1/61 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่เป็นคอนโดหรูภายใต้แบรนด์ "ไนท์บริดจ์" พร้อมกัน 3 โครงการ ได้แก่ ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน , ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 และ ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท

จุดขายหลักของ 2 โครงการแรก คือแนวคิดการพัฒนาแบบ "Duo Space" ที่มีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่ 1.Vertical Space คือการออกแบบพื้นที่ใช้งานแนวตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น พื้นที่เหนือครัว ส่วนอาบน้ำสามารถใช้เป็นพื้นที่เก็บของได้ 2.Value Space ให้ทุกพื้นที่ใช้สอยภายในห้องสามารถใช้งานจริงได้อย่างคุ้มค่า 3.More Space เพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สันทนาการ และมุมพักผ่อนสังสรรค์ให้มีขนาดใหญ่ และ 4.Flow Space เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารด้วยการออกแบบให้มีการเล่นระดับโถงที่มีฝ้าเพดานสูง เป็น Double Space และ Triple Space

สำหรับทำเลพระราม 9 ถือเป็นทำเลใจกลางย่านธุรกิจใหม่ (New CBD) โดยสถานี MRT พระราม 9 มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 2 ในบรรดาสถานี MRT ทั้งหมด ภายในระยะ 3 กิโลเมตรจากโครงการ มีทั้งแหล่งงาน ศูนย์การค้า ศูนย์จัดแสดงสินค้าและโลจิสติกส์ โรงพยาบาล สถานศึกษา อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย The Super Tower The Ninth Tower มักกะสัน มิกซ์ยูส อาคาร AIA สำนักงานใหญ่ยูนิลีเวอร์ G Tower เซ็นทรัล พระราม 9 เทอร์มินัล 21 โรงพยาบาลปิยะเวท มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นย่านที่ผู้บริโภคมีรายได้เฉลี่ย 75,000-120,000 บาทต่อเดือน

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ พัฒนาโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธินด้วย โดยจะนำคอนเซ็ปท์ Luxmore ของทางโนมูระ เข้ามาเพิ่มเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการฟังก์ชั่นเฟอร์นิเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ขณะที่ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 นั้น บริษัทจะนำระบบ Smart Home Automation และบริการหลังการขายโดยบริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด ช่วยยกระดับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค

"นอกจากเรื่อง Duo Space และฟังก์ชั่นอีกมากมายที่เราจะมอบให้ผู้บริโภค เรายังปรับเปลี่ยนวิธีการจองมาสู่ระบบออนไลน์ทั้งหมด ให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเปิดให้จองสิทธิ์ถึงวันที่ 7 มี.ค.นี้ และเปิดจองจริงตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. ปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจแล้วจำนวนมาก" นายพีระพงศ์ กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่บนถนนดินแดง ห่างจาก MRT พระราม 9 ราว 350 เมตร ประกอบด้วยอาคารสูง 27 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 325 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด Duo Space ทุกห้องพักภายในอาคารมีเพดานสูงถึง 4.2 เมตร เป็นห้องขนาด 1-3 ห้องนอน ตั้งแต่ 23-57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 4.69 ล้านบาท

ขณะที่โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่ 2 งาน ใกล้แยกรัชโยธิน ห่างจาก BTS พหลโยธิน 24 เพียง 20 เมตร ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ถึง 3 สาย โครงการประกอบด้วยอาคารสูง 33 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 488 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,700 ล้านบาท นอกจากจุดขาย Duo Space พร้อมเพดานสูง 4.2 เมตรแล้ว ยังมอบ Auto Parking ถึง 70% และส่วนกลางลอยฟ้ากว่า 1,600 ตร.ม. ขนาด 1-2 ห้องนอน 22-61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท

ส่วนโครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1 ไร่ 1 งาน ในซอยสุขุมวิท 107 ห่างจาก BTS แบริ่งราว 300 เมตร ประกอบด้วยอาคารสูง 28 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 304 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ห้องพักมีขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งแต่ 23-61 ตร.ม. เพดานสูง 2.6 เมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.29 ล้านบาท

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในไตรมาสที่ 1/61 จะสามารถทำได้เกิน 5,000 ล้านบาท หลังเปิด 3 โครงการใหม่ ซึ่งจะเริ่มสร้างในปลายปี 61 และแล้วเสร็จทุกโครงการภายในปี 63 โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายช่วงพรีเซลล์ 70% ของมูลค่าโครงการ จาก 3 โครงการในเดือน มี.ค.61

ประกอบกับกำลังซื้อที่เริ่มดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตไปพร้อมกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งในปี 61 ภาครัฐคาดการณ์ GDP เติบโตราว 4% ขณะที่คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและปริมณฑลจะเติบโต 5-10% จากปีก่อน หรือคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 4.3-4.4 แสนล้านบาท

ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) 2.7-2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้กว่า 80% สูงกว่า Backlog ค่าเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 25-30% ทำให้มั่นใจว่าปีนี้เป็นปีที่บริษัทจะเติบโตได้ดี มั่นคง และแข็งแกร่งอีกทั้งในปี 62 บริษัทมี Backlog รองรับแล้วกว่า 52%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ