โบรกฯแนะ"ซื้อ"BGRIM มองกำไรปี 61-64 โตดีตามแผนผลิตไฟฟ้าเพิ่ม,โซลาร์เวียดนามชดเชยย้ายโรงไฟฟ้า-SPP ต่ออายุล่าช้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 30, 2018 13:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) หลังมองกำไรปกติช่วงปี 61-64 เติบโตได้ดีต่อเนื่อง ตามกำลังผลิตไฟฟ้าที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 61 จะมีกำลังผลิตที่ COD เพิ่มเป็น 2,091 เมกะวัตต์ (MW) จาก 1,646 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 60

ขณะที่บริษัทยังมีแผนลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดออกหุ้นกู้ 6.7 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อใช้รีไฟแนนซ์ ซึ่งช่วยทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น BGRIM ไม่ได้ขยับขึ้นมากนักในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกัวงวลต่อการย้ายที่ตั้งของ 2 โรงไฟฟ้าจาก จ.ราชบุรี ไปยัง จ.อ่างทอง และการต่ออายุโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) 3 แห่งที่จะหมดสัญญาซื้อขายช่วงปี 60-68 ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนจากภาครัฐ

แต่การที่ BGRIM สามารถคว้าโครงการร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มอย่างน้อย 2 โครงการในเวียดนามเข้ามาและเตรียมที่จะ COD ภายในกลางปี 62 ช่วยชดเชยความกังวลจาก 2 ปัจจัยดังกล่าวได้

ราคาหุ้น BGRIM ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.89% นับแต่ต้นปีราคาหุ้น BGRIM ลดลงราว 6% เมื่อเทียบกับ SET ปรับตัวลง 1.8%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเซีย พลัส                    ซื้อ                      32.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ซื้อ                      33.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์               ซื้อ                      34.00
          เคจีไอ (ประเทศไทย)          outperform                31.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                ซื้อสะสม                    32.00
          เคทีบี (ประเทศไทย)             ซื้อ                      36.50

นางสาวพรสุข อมรวดีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลกำไรปกติของ BGRIM ยังเติบโตได้ดีตามกำลังผลิตไฟฟ้าในมือที่ทยอย COD เพิ่มขึ้น และแผนรีไฟแนนซ์เพื่อลดต้นทุนทางการเงินที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องจะมีส่วนผลักดันให้ผลกำไรเติบโต

รวมถึงการเข้าร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติม ล่าสุดได้เข้าร่วมลงทุน 2 โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม รวม 677 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเริ่ม COD ทั้งหมดภายในกลางปี 62 ก็จะผลักดันผลกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวราคาหุ้น BGRIM ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในลักษณะทรงตัวถึงปรับฐาน จากความกังวลเรื่องการย้ายพื้นที่ 2 โรงไฟฟ้าใหม่ BGPR1 และ BGPR2 กำลังผลิตรวม 240 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปแม้จะมีแนวโน้มที่น่าจะดำเนินการได้ รวมถึงกรณีการเปลี่ยนรูปแบบการต่ออายุสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ABP1, ABP2 และ BPLC1 ที่ใกล้จะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้น ยังไม่มีความชัดเจน โดยยังต้องรอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่จะพิจารณาเรื่องการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP ที่จะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐในช่วงปี 60-68

"เราแนะนำ"ซื้อสะสม"เพราะ earning ที่เรามองในด้านของกำไรปกติยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ตามแผน COD แต่เรายังมีความกังวลจาก 2 ปัจจัยที่อาจจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นในขอบเขตที่จำกัดถ้าเรื่องนี้ยังไม่เคลียร์ แต่ก็คิดว่าความพยายามที่จะหา Project ใหม่เข้ามาก็จะช่วยชดเชยเรื่องนี้ได้บ้าง"นางสาวพรสุข กล่าว

ด้านนางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นของ BGRIM ตอบรับความกังวลระยะสั้นจากกรณีการย้าย 2 โรงไฟฟ้าใหม่ และการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP ที่จะหมดอายุ ขณะที่ปัญหาต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายมากขึ้น และหุ้น BGRIM ก็เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ชัดเจนในระยะยาวจากการทยอย COD โครงการในมือ ทำให้เชื่อว่าหลังจากนี้ราคาหุ้น BGRIM พร้อมจะ Outperform ตลาดได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้บริหาร BGRIM ระบุถึงความคืบหน้าการย้าย 2 โรงไฟฟ้าใหม่ โดยล่าสุดได้รับหนังสือตอบรับจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้ย้ายที่ตั้งจาก จ.ราชบุรี ไปยังนิคมอุตสาหกรรมอาหารใน จ.อ่างทอง และมั่นใจว่าจะสามารถ COD โครงการได้ตามแผนงาน ทำให้ความเสี่ยงที่จะ COD ไม่ได้น่าจะจำกัดมากขึ้น นับว่าเป็นการปลดล็อกความกังวลระยะสั้นได้ 1 ปัจจัย

ส่วนความกังวลกรณีต่ออายุโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 3 แห่งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) หากอนุมัติจะยื่นต่อ กพช.พิจารณาหลังจากนั้น ซึ่งนับเป็นประเด็นที่ยังต้องรอติดตามต่อไป

สำหรับแนวโน้มกำไรปกติของ BGRIM ในไตรมาส 3/61 คาดว่าจะยังเติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสที่แล้ว จากการรับรู้รายได้โครงการ ABPR4 กำลังผลิต 73.8 เมกะวัตต์เต็มไตรมาส รวมถึงโครงการโซลาร์ BGYSP กำลังผลิต 59.7 MW เมกะวัตต์ ที่ได้เข้าไปถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% จากเดิมที่ถือ 49% ตั้งแต่เดือน ก.ค.61 นอกจากนี้ BGRIM ยังมีต้นทุนการเงินลดลงหลังรีไฟแนนซ์หุ้นกู้โครงการ BIP1 และ BIP2 ในเดือน พ.ค. ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลดลง 1.6% ต่อปี

นางสาวนลินรัตน์ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยฯ ได้ปรับประมาณการกำไรของ BGRIM ในช่วงปี 62-64 เพื่อสะท้อนการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มแห่งใหม่ในเวียดนาม ขนาด 257 เมกะวัตต์ หลังจากที่ได้โครงการแรกขนาด 420 เมกะวัตต์ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะ COD ภายในเดือน มิ.ย.62 และการเลื่อน COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำคาว ขนาด 67.5 เมกะวัตต์ในลาว จากเดิมจะ COD ในปลายปี 62 เป็นช่วงปี 63-64 ซึ่งภายหลังการปรับประมาณการดังกล่าวกำไรของ BGRIM ยังเติบโตต่อเนื่อง 19.9% ในปี 62 และเติบโต 23.9% ในปี 63 และ 20.2% ในปี 64 ตามลำดับ

บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ปัจจุบัน BGRIM มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 1,912 เมกะวัตต์ เติบโต 16.16% จากช่วงปลายปี 60 จากการ COD โครงการ ABPR3 และ ABPR4 ขนาดกำลังการผลิต 266 เมกะวัตต์ ซึ่ง BGRIM ถือหุ้น 55.5% และกำลังการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 179 เมกะวัตต์ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ คิดเป็นการเติบโต 9.36% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน โดยภาพรวมการเติบโตในระยะ 5 ปีเพิ่มขึ้น จาก 42% เป็น 64% คิดเป็นการเติบโตต่อปีกว่า 13% จากการเข้าเซ็นสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Xuan Cau และ Phu Yen ในประเทศเวียดนามขนาดกำลังการผลิต 420 เมกะวัตต์ และ 257 เมกะวัตต์ตามลำดับ

ขณะที่การรีไฟแนนซ์เงินกู้โครงการโรงไฟฟ้า BIP1 และ BIP2 มูลค่าราว 6.7 พันล้านบาท จะมีผลบวกต่อกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 61 จากการประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยจากเดิมที่ 5.5% เป็น 3.95% ส่งผลให้ภาพรวมต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยของ BGRIM ลดลงมาอยู่ที่ 4.6% ในปี 61 จาก 4.7% ในปี 60 ส่งผลให้สามารถประหยัดดอกเบี้ยได้ราว 80-100 ล้านบาท/ปี และทำให้อัตรากำไรสุทธิปี 61 ปรับตัวดีขึ้นจากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 7.37% เป็น 7.59%

นอกจากนั้น BGRIM ยังมีแผนการรีไฟแนนซ์เงินกู้อีกกว่า 1-1.4 หมื่นล้านบาทในช่วงต้นไตรมาส 4/61 ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองอัตราดอกเบี้ยและอายุหุ้นกู้ ทำให้เป็น Upside ส่วนเพิ่มต่อการปรับประมาณการกำไรในปี 62 ด้วย

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ BGRIM ในครึ่งหลังของปีนี้ จะเติบโตต่อเนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่ทยอย COD ได้แก่ โครงการ ABPR5 ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงานน้ำ Nam-Che ในลาว ที่จะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4/61 ซึ่งทางฝ่ายมองว่าทั้ง 3 โครงการจะสร้างกำไรให้แก่ BGRIM ราว 40 ล้านบาทในปี 61 และ 240 ล้านบาทในปี 62

อีกทั้งจะยังมี 2 โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ Xuan Cau และ Phu Yen ในเวียดนามที่จะเริ่ม COD ก็คาดว่าจะเข้ามาสนับสนุนกำไรในปี 62 เพิ่มเติมอีกราว 430 ล้านบาท ส่งผลให้ทางฝ่ายคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 36% มาที่ 2.7 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 11% มาที่ 2.98 พันล้านบาทในปี 62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ