ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ด้อยสิทธิของ THANI ที่ระดับ "A-" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 11, 2018 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของบริษัทที่ปรับดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอันเป็นผลมาจากการพัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานและระบบบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องด้วย

การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ด้วย ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเองเนื่องจากทริสเรทติ้งจัดให้บริษัทเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารธนชาต

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากประเด็นกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรงและการพึ่งพาสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การสนับสนุนจากบริษัทแม่เป็นปัจจัยหลักในการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ การเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารธนชาตทำให้ทริสเรทติ้งลดความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทลงไป วงเงินสินเชื่อที่ธนาคารธนชาตสามารถให้แก่บริษัทได้นั้นมีมากพอที่จะช่วยสนับสนุนความพยายามในการขยายธุรกิจของบริษัท

ในส่วนของการสนับสนุนทางด้านธุรกิจนั้น ธนาคารธนชาตได้ให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในการพัฒนากระบวนการอนุมัติสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยมีการนำนโยบายการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ มาใช้ในบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของธนาคารธนชาต ทั้งนี้ บริษัทยังได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแม่และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านการกำกับดูแลจากธนาคารแม่ด้วยเช่นกัน

ในด้านของเงินทุน อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ในระดับมากกว่า 14% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 6 เท่า อัตราส่วนทั้งสองอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับการเติบโตของสินเชื่อรวมในระดับประมาณ 15% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในกรณีการขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้นั้นบริษัทอาจต้องมีการปรับโครงสร้างเงินทุนใหม่เพื่อที่จะดำรงฐานทุนให้มีเพียงพอ ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าธนาคารธนชาตจะยังคงสนับสนุนความต้องการเงินทุนของบริษัท

สถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งประมาณการว่าพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทจะเติบโตประมาณ 15% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทสามารถยกระดับสถานะทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่องโดยสะท้อนจากการเติบโตที่สม่ำเสมอของพอร์ตสินเชื่อ ในปี 2560 สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 18.4% จากสิ้นปีก่อนหน้า เป็น 40,441 ล้านบาท ต่อมา ณ เดือนมิถุนายน 2561 สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 45,141 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.6% จากสิ้นปีก่อนหน้า

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรไว้ได้โดยจะมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ระดับ 2.9%-3.0% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยอยู่บนสมมติฐานที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะค่อย ๆ ลดลงเป็น 1.1%-1.2% ของสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ย และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายจะรักษาอยู่ที่ระดับ 4.0% จนถึงปี 2563 ในปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.8% จากปี 2559 โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.1% ในปี 2560 จาก 2.8% ในปี 2559

คุณภาพสินทรัพย์ปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมค่อย ๆ ปรับลดลงมาตั้งแต่ปี 2558 โดยปรับลดลงเป็น 4.6% ณ สิ้นปี 2560 และ 3.9% ณ เดือนมิถุนายน 2561 เนื่องจากการตัดหนี้สูญ รวมทั้งจากการขายหนี้ด้อยคุณภาพ การปรับโครงสร้างหนี้ในสินเชื่อบางกลุ่ม และกระบวนการติดตามหนี้ที่เข้มงวด ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% ในช่วงระหว่างปี 2561-2563

อัตราส่วนสำรองสำหรับหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 114.1% ณ เดือนมิถุนายน 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันเช่นนี้ตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้าภายใต้สมมติฐานที่บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ 1.1%-1.2% ของสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยจนถึงปี 2563

การพึ่งพาสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก บริษัทเป็นผู้นำตลาดในสินเชื่อรถบรรทุกซึ่งบริษัทเน้นการให้บริการสินเชื่อในกลุ่มนี้มาตั้งแต่ปี 2549 โดยสินเชื่อสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์คิดเป็น 70% ของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรวม ณ เดือนมิถุนายน 2561

แม้ว่าจะสร้างผลกำไรที่ดี แต่การพึ่งพาสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักทำให้บริษัทเพิ่มความเสี่ยงในการกระจุกตัวของธุรกิจให้มีมากขึ้น นอกจากนี้ สินเชื่อสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ยังจัดว่าเป็นสินเชื่อที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจอีกด้วย บริษัทจึงได้พยายามชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การเรียกเก็บเงินดาวน์ที่เพิ่มขึ้น และการให้ชำระเช็คลงวันที่ล่วงหน้า ทั้งนี้ การแข่งขันที่รุนแรงอาจจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถบรรทุกลดลงและกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถขยายสินเชื่อและรักษาสถานะทางการตลาดในกลุ่มเป้าหมายได้ โดยบริษัทน่าจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และรักษาให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรให้มั่นคงไว้ได้ อีกทั้งการสนับสนุนจากธนาคารแม่ยังคาดว่าจะมีอยู่อย่างต่อเนื่องต่อไปโดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถพัฒนาสถานะทางการตลาดและการเงินให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางการตลาดของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง หรือคุณภาพสินเชื่อหรือโครงสร้างเงินทุนถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ที่มีต่อบริษัท หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ