JTSเชื่อปี 51ทำรายได้กว่า 2.9 พันลบ.จากงานรัฐเพิ่ม/ส่ง TTTเข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 14, 2008 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) คาดปี 51 รายได้จะมากกว่า 2.9 พันล้านบาท จากงานประมูลปีนี้มีมากขึ้น และบริษัทกระจายไปหลายธุรกิจ ไม่ยึดอยู่กับธุรกิจโทรคมนาคม โดยบริษัทคาดจะเข้าประมูลงานภาครัฐกว่า 7 พันล้านบาท จากปี 50 ที่งานประมูลภาครัฐแทบไม่มี ส่งผลให้รายได้ปรับลดลงกว่า 20% จากปี 49 
ขณะเดียวกันนำ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบรนด์(TTT BB) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)คาดระดมทุนได้ 3 พันล้านบาท เพื่อนำไปใช้ขยายโครงข่ายบรอดแบรนด์และรีไฟแนนซ์
"เรามั่นใจว่าในปี 51 รายได้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง และเทียบแล้วดีกว่าปี 49 ที่มีรายได้ 2.9 พันล้านบาท"นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมการบริหาร JTS เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"
แต่ในปี 50 รายได้บริษัทปรับตัวลดลงไปมากกว่า 20% จากปี 49 เนื่องจากงานภาครัฐชะลอตัวทำให้ไม่มีรายได้จากส่วนนี้ รวมทั้งไม่มีการเปิดประมูลโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะ บมจ.ทีโอที
นายสุพจน์ คาดว่า ในปี 51 บริษัทจะเข้าประมูลงานกว่า 7 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจะกลับมาดีขึ้น จึงเชื่อว่าจะมีการเปิดประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บมจ.กสท โทรคมนาคม ที่ต้นปีก็เริ่มมีงานประมูลสำคัญ ส่วนบมจ.ทีโอที คาดว่าอีก 2 เดือนข้างหน้าหลังการจัดตั้งรัฐบาลและแก้ปัญหาภายในของทีโอทีได้ก็จะมีงานประมูลออกมาเพิ่มขึ้น อย่างช้ากลางปีก็เห็นความชัดเจน
"ความคาดหวังว่าจะได้งานประมูลกี่เปอร์เซ็นต์นั้น เราเชื่อว่างานที่เข้ามาใหม่จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมมากกว่าปี 49 "นายสุพจน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทพยายามกระจายงานประมูลหลากหลายมากกว่าเดิมแทนที่จะอิงกับธุรกิจโทรคมนาคมเพียงอย่างเดียว โดยจะหันมาเข้าร่วมประมูลงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารออมสิน ซึ่งได้งานแล้วประมาณ 80 ล้านบาท และงานในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ได้เข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟทางคู่
นอกจากนี้ กลุ่มบมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ JTS จะนำ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTT BB)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว และ คาดว่าจะระดมทุนประมาณ 3 พันล้านบาท จะนำไปขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ และนำเงินบางส่วนไปรีไฟแนนซ์หนี้ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ