บล.กสิกรไทย ปรับลดคาดการณ์ SET Index ปีนี้เหลือ 1,750 จุด หลังหลายปัจจัยกดดัน-กังวลศก.โลกชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 31, 2019 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 62 ลดลงเหลือ 1,750 จุด จากเดิมอยู่ที่ 1,800 จุด เนื่องจากได้มีการปรับวิธีประเมินเป้าหมายดัชนีมาเป็นรูปแบบใหม่ โดยยังมีปัจจัยภายนอกหลายๆอย่างที่เข้ามากดดันอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศหลักๆ สงครามทางกาค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะสามารถตกลงกันได้ เนื่องจากทุกฝ่ายเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ราคาน้ำมันมองว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องด้วย

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่แนะนำในการลงทุนปีนี้คือ กลุ่มพาณิชย์ เลือก CPALL โดยจะได้แรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และมาตรการของภาครัฐต่างๆที่จะเข้ามากระตุ้น ขณะที่กลุ่มเกษตรเลือก CPF เนื่องจากราคาสินค้าทางการเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่กลุ่มรับเหมามอง หุ้น STEC เนื่องจากราคาต้นทุนด้านวัตถุดิบที่ลดลง โดยเฉพาะในส่วนของราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลง หลังผ่านจุดราคาที่สูงสุดไปแล้ว และมีงานในมือเป็นจำนวนมาก ส่วนกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เลือก BBL เพราะฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกจากการบริโภคภาคเอกชน และการเติบโตของสินเชื่อ

ด้านกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เลือก AMATA เป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รวมถึงการได้ประโยชน์จากสงครามการค้า จึงทำให้มีนักลงทุนย้ายฐานการผลิต ขณะที่กลุ่มสนามบิน แนะนำ AOT เนื่องจากการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในเดือน ธ.ค.61

ส่วนโรงไฟฟ้า เลือก RATCH, EGCO และ BGRIM ด้วยความมีเสถียรภาพของการทำกำไร และมีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) และการขยายตัวของอัตราการทำกำไรจากการปรับเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที)

ด้านนายจักรพงษ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า มีมุมมองเป็นกลางในหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะมีทั้งปัจจัยบวกที่ส่งเสริม แม้ว่าจะมีปัจจับลบเข้ามาบ้าง ซึ่งปรับลดลงคำแนะนำ PTTGC และ PTTEP เนื่องจากคาดว่าการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเชื่อว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อกำไรประมาณ 20-25% โดยคาดราคาน้ำมันดิบดูไบ ปี 62 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะคาดว่าจะมีปริมาณสำรองส่วนเกินระหว่างกำลังการผลิต และความต้องการบริโภค หลังจากทางสหรัฐสามารถเปิดท่อส่งน้ำมันเส้นใหม่ได้แล้วเสร็ ซึ่งจะทำให้สหรัฐลดการนำเข้าน้ำมันลง หรืออาจจะส่งผลให้สหรัฐกลับกลายมาเป็นผู้ส่งออกได้

ทั้งนี้ ด้วยการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์คือกลุ่มโรงกลั่นโดยแนะนำ TOP และ SPRC โดยมองว่าค่าการกลั่นจะกลับมาเพิ่มเป็น 4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากที่ในช่วงปลายปี 61 อยู่ที่ระดับ 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเพิ่มคำแนะนำในหุ้น IRPC และ SCC ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตโพลีโพรพิลีน ที่ได้รับประโยชน์จากการที่สหภาพยุโรปงดการใช้สินค้าประเภทพลาสติก ซึ่งยุโรปถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการบริโภคปริมาณพลาสติก 1 ใน 4 ของของโลก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตพลาสติกลดลงด้วย

https://youtu.be/p73OWkp0DkI


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ