บลจ.วี เปิดขายกองทุนหุ้นอินเดีย 4-6 มิ.ย.รับประโยชน์เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง-การเมืองมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 30, 2019 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.วี นำเสนอกองทุนต่างประเทศที่เน้นลงทุนในอินเดีย คือ กองทุนเปิด วี อินเดีย 9M (WE- INDIA9M ) ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 62 โดยกองทุนเน้นลงทุนในกองทุน ETF ที่มีนโยบายลงทุนในประเทศอินเดีย ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มเทคโนโลยี และพลังงาน

กองทุน WE- INDIA9M ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ใน 9 เดือน โดยกองทุนจะเลิกกองทุนตามเป้าหมายเมื่อมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ผ่านระดับ 10.63 บาท ต่อหน่วยและ NAV ที่รับซื้อคืนขั้นต่ำ 10.60 บาทต่อหน่วย บริษัทจะดำเนินการสับเปลี่ยนเข้ากองทุนเปิด วี มันนี่ มาร์เก็ต ภายใน 5 วันทำการนับตั้งแต่วันถัดจากวันคำนวนราคารับซื้อคืนหน่วยอัตโนมัติ โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุนเปิด WE- INDIA9M จะใช้กลยุทธ์ลงทุนเชิงรุก (Active Allocation) ด้วยการจัดพอร์ตลงทุนผสมระหว่างหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Mid-Small Cap) โดยพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) จะลงทุนในกองทุน UTI India Dynamic Equity Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางประมาณ 50% และ พอร์ตเชิงรุก (Tactical Portfolio) ประมาณ 50% โดยแบ่งลงทุนในกองทุน iShares India 50 ETF 30% ซึ่งลงทุนในหุ้นอินเดียขนาดใหญ่ 50 ตัวและลงทุนในกองทุน iShares MSCI India Small-Cap ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ประมาณ 20% โดยเน้นจับจังหวะลงทุนในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงและมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม

กองทุน WE- INDIA9M ถือเป็นกองทุนที่ 5 จาก บลจ.วี ที่เปิดขาย IPO ต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้

นางสาวนิตยา เลิศแสงเพชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการ บลจ. วี กล่าวว่า เศรษฐกิจอินเดียมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยประมาณ 7% อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะเติบโตลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่คาดว่าเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้จากแรงขับเคลื่อนของภาคการบริโภคในประเทศที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของ GDP ขณะที่สัดส่วนของการส่งออกมีไม่มาก ทำให้เศรษฐกิจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก หากเกิดกรณีสงครามการค้าที่รุนแรง

นอกจากนี้การเลือกตั้งของประเทศล่าสุดที่จบลงด้วยชัยชนะอย่างท่วมท้นของนายนเรนทรา โมดี และครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดียว เป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายความเจริญสู่ชนบท ด้านพลังงานทดแทน (Green energy and solar power) และการพัฒนาด้านโครงข่ายการสื่อสาร

นอกจากนี้ ด้วยโครงสร้างทางประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัยทำงาน ช่วยผลักดันภาคการบริโภคภายในประเทศรวมไปถึงการใช้จ่ายภาครัฐในการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การลงทุนในอินเดียมีความน่าสนใจ

ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มของเศรษฐกิจอินเดียที่คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 7% ต่อปี และเมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยในระดับประมาณ 12% ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจ ในช่วงที่ภาวะตลาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเรื่องสงครามการค้า

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วี เปิดเผยว่า นโยบายและการปฏิรูปเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งอินเดียจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง และส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน ไม่ว่าจะเป็น 1.) นโยบายการสร้างตลาดแรงงานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มบริโภค 2.) การขยายเขตอุตสาหกรรมและปรับปรุงภาคการผลิต ที่จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม 3.) การพัฒนาเขตชนบท ที่จะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้างและเทคโนโลยี รวมทั้งช่วยให้เพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มบริโภคและการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้อยู่ในระดับสูงกว่า 10% ในขณะที่ธนาคารกลางอินเดียยังสามารถควบคุมระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่งผลให้ค่าเงินอินเดียมีเสถียรภาพมากขึ้น และ 4.) การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ที่จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค

นายอิศรา คาดว่า การเติบโตทางรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในอินเดียในระยะต่อไปจากนี้จะอยู่ในระดับสูง ทำให้มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับที่น่าสนใจและเป็นโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีการเติบโตสูงและราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าลงทุน

"ในช่วงตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนและปรับตัวลงมา บลจ.วี มองว่า เป็นจังหวะลงทุนใน กองทุน WE- INDIA9M ที่ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการที่ 6% ในช่วง 9 เดือน จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้นจากการลงทุนในต่างประเทศ" นายอิศรา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ