กุรูตลาดหุ้น มั่นใจ SET Index ช่วง H2/62 ยังไปต่อได้ตอบรับรัฐบาลใหม่เร่งสร้างผลงาน-Fund Flow ไหลเข้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 27, 2019 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนา "วางแผนการลงทุนตราสารหนี้ต้อนรับรัฐบาลใหม่" ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังอยู่ในทิศทางปรับตัวขึ้นต่อ แต่การปรับขึ้นจะไม่มากเหมือนช่วงครึ่งปีแรกที่ปรับขึ้นมาโดยยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,750-1,800 จุด

สำหรับปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่อได้มาจากนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำงานได้ ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้เชื่อว่ารัฐบาลจะต้องเร่งสร้างผลงาน และ คาดว่าจะไม่เกิดข้อขัดแย้งแม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงปริ่มน้ำ

ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีนี้จะมีมูลค่าถึง 1 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันไหลเข้ามาแล้วราว 4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเดือน มิ.ย. มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยสุงสุดในกลุ่มตลาดหุ้นเอเชีย และ เป็นปีแรกที่ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยในรอบ 5 ปี จากก่อนหน้านี้ที่ขายออกไป 6 แสนล้านบาท ซึ่งยังเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาอีก 6 หมื่นล้านบาท

ส่วนเศรษฐกิจโลกในปี 63 เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 1-3 ครั้ง โดยจะลดครั้งแรกในเดือน ก.ค.นี้ และเมื่อเฟดลดดอกเบี้ย ก็เชื่อว่าธนาคารกลางทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หรือ ธนาคารกลางจีนก็จะลดดอกเบี้ยตาม รวมไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงไม่อาจฝืนกระแสของโลกได้ จึงคาดว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกจากกลับมาฟื้นตัวได้ เพราะปัจจุบันแค่ชะลอตัวไม่ถึงกับทรุดตัว

ด้านสถานการณ์ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน คาดว่าในที่สุดจะมีทางออกที่ดี โดยเฉพาะในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 สุดสัปดาห์นี้ เชื่อว่าประธานาธิบดีสหรัฐจะไม่แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน เนื่องจากที่ผ่านมาคะแนนนิยมเริ่มลดลง ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ประกอบกับ สงครามการค้าสหรัฐกับจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ โดยยอมรับว่าในปีถัดไปความตึงเครียดจะยังคงอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องของการค้าอีกแล้ว

ด้านนายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปีนี้ลงเหลือ 3.2% จากเดิม 3.8% เนื่องจากการส่งออกจะติดลบ 1-1.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3.5% โดยได้รับผลกระทบสงครามการค้า และวัฎจักรเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งหากสหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบที่ 4 ก็จะเกิดผลกระทบ และส่งผลไปยังการค้าโลกให้ชะลอตัวลงไปอีก โดยมีผลต่อการปรับประมาณการณ์ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยลงทั้งหมด

"เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/62 จะโตน้อยกว่าไตรมาส 1/62 ที่อยู่ในระดับ 2.8% โดยคาดโตเพียง 2.4% เท่านั้น แต่จะมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง เพราะรัฐบาลจะออกมามาตรการประคองเศรษฐกิจ และ จะเป็นผลดีที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้โต 3.2% ได้"นายสมประวีณ กล่าว

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มแข็งค่า แต่คงจะไม่ได้แข็งค่าเร็วเหมือนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดได้รับรู้ไปแล้วว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับ เชื่อว่าทาง ธปท.ได้เข้าไปดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วจนเกินไป เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยสิ้นปีนี้ยังคงคาดการณ์ค่าเงินบาทไว้ที่ 30.50 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า บริษัทเอกชนมีการหุ้นกู้ในปีนี้จำนวน 1 ล้านล้านบาท จาก 5 เดือนเอกชนมีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 4.98 แสนล้านบาท โดย 80% เป็นการขายให้กับสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ส่วน อีก 20% ขายให้กับบุคคลทั่วไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าปีนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ