(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้ามีโอกาสปรับตัวลง จากความไม่แน่นอนเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ แต่มีลุ้นดีดกลับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 1, 2019 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลง จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่า จีนไม่มั่นใจที่จะทำข้อตกลงการค้าระยะยาวกับสหรัฐฯได้ และตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนแย่กว่าคาด ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนก็ต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เป็นปัจจัยกดดันตลาด

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้ และให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯด้วย

ส่วนบ้านเราติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันนี้ ซึ่งจะมีเรื่องให้ความช่วยเหลือ SME และรถไฟฟ้าสายสีเขียว

อย่างไรก็ดี เมื่อดัชนีฯอ่อนตัวลงมาแถวแนวรับ 1,590-1,595 จุด มีโอกาสดีดกลับได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,605-1,610 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,046.23 จุด ลดลง 140.46 จุด (-0.52%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,037.56 ลดลง 9.21 จุด (-0.30%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,292.36 จุด ลดลง 11.62 จุด (-0.14%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 196.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.72 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 100.28 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.31 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.25 จุด

ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้เนื่องในวัน All Saints Day

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ต.ค.62) 1,601.49 จุด ลดลง 0.34 จุด (-0.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,871.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ต.ค.62) ปิดที่ 54.18 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ต.ค.) อยู่ที่ 1.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.16 แข็งค่าจากวานนี้ นลท.จับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้
  • "แบงก์ชาติ" เผยเศรษฐกิจเดือน ก.ย. "ชะลอตัว" จากส่งออก-ลงทุน ส่อฉุดภาพรวม "จีดีพี" ไตรมาส 3 โตต่ำคาด พร้อมระบุกรณี "เฟด" ลดดอกเบี้ย ไม่ผิดไปจากที่ประเมินไว้ ด้าน "คลัง" ลั่นไม่ก้าวก่ายการปรับดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ
  • "ก.คมนาคม" ปรับโมเดลเร่ง "ตั๋วร่วม" ช่วงแรก เล็ง 6 เดือนให้ใช้บัตรรถไฟฟ้าเดิมข้ามระบบกันได้เหมือน Easy Pass เผย BTS รับทราบพร้อมร่วมมือ ส่วน รฟม.อัปเกรด "แมงมุม 4.0" ยังอืด คาดต้องรออีก 18 เดือน เชื่อปรับระบบเดิมเร็วกว่า สั่ง สนข.หารือผู้ให้บริการ "BTS-รฟม.-แอร์พอร์ตลิงก์" ใน 2 สัปดาห์ คลี่ปมปรับปรุงหัวอ่านหักบัญชีหลังบ้าน
  • "สนธิรัตน์" มอบนโยบาย "สนพ.- พพ." หวังขับเคลื่อนนโยบาย Energy for All ดัน ศก.ฐานราก ขีดเส้น 2 เดือนสรุปเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ป้อนไฟปี 2565 ส่วนโรงไฟฟ้าชุมชนคลอดเกณฑ์ พ.ย.นี้ เร่งโรงไฟฟ้า สุราษฎร์ฯ เสร็จไม่เกินปี 2569 ด้าน "สุริยะ" อวดผลงาน "99 วัน อุตสาหกรรมทำแล้ว" ชูเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนจากสงครา การค้า-ลดขั้นตอน SMEs เข้าถึงสินเชื่อ-ปฏิรูปสู่ Smart Government-พัฒนาอุตฯ พื้นที่รับ EEC
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ เผยอัดเงินเข้าระบบแล้ว 8 หมื่นล้านบาท ตามโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรหลายชนิดทั้งข้าว ปาล์ม ยางพารา พร้อมเตรียมเงินอีก 4 แสนล้านบาทปล่อยสินเชื่อ หวังกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ ให้มีเงินหมุนเวียนกว่า 1.2 ล้านล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 212 บาท กลุ่มธนาคารราคาหุ้นลดลงสะท้อนภาพรวมธุรกิจที่อ่อนแอไปมากแล้ว ขณะที่ Valuation เริ่มน่าสนใจ หลายหลักทรัพย์ Trade ต่ำกว่า BVPS จึงเลือก BBL เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากเน้นปล่อยสินเชื่อกลุ่มลูกค้า Corporate ทำให้มีความเสี่ยงจากปัญหา NPLs น้อยกว่าคู่แข่งที่เน้นรายย่อยและ SMEs
  • TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.80 บาท กำไร Q3/62 คาดว่าชะลอเล็กน้อย -7% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ +82% Y-Y เป็น 40 ลบ. จากการเติบโตของทุกธุรกิจ กำไรอาจทำจุดสูงสุดใน Q4/62 จีงปรับเพิ่มกำไร 2562-2563 ขึ้น 13% และ 6% ตามลำดับ เป็นเติบโต 136% Y-Y ในปีนี้และ +6% Y-Y ในปีหน้า และมี upside หาก 7-11 เปิดสาขาในกัมพูชาสำเร็จ
  • IVL (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 48 บาท คาดปี 63 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดดเด่นตั้งแต่เดือนม.ค. เป็นต้นไป หลังการเข้าซื้อกิจการ Huntsman ซึ่งคาดเรียบร้อยช่วง Q4/62 รวมถึงการเปิดดำเนินงานโรงงาน Gas Cracker ที่สหรัฐฯ ขณะที่โรงงาน Polyester โรงงาน PET recycle และการผลิต MEG ที่สหรัฐฯ จะกลับมาผลิตได้เต็มกำลัง คาดกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คาดอยู่ที่ 20,543 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการ Q3/62 ได้รับปัจจัยกดดันจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่ลดลง จากภาวะอุปทานส่วนเกิน และผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้ความต้องการสินค้าชะลอตัว คาดส่วนต่าง PET/PTA integrated ช่วง Q3/62 อยู่ที่ 380 USD/ton ลดลงจาก 425 USD/ton เมื่อ Q2/62 พร้อมคาด Q3/62 มีขาดทุนจากสต็อกตามราคาพาราไซลีนที่ลดลง ทางด้านประเด็นการลดการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งของหลายๆ ประเทศ คาดไม่ส่งผลกระทบกับ IVL มากนัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ