โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) มองความสามารถแข่งขันสูง พร้อมคาดผลงานปี 63 เร่งตัวขึ้น หลังเปิดตัวของโครงการ Movenpick Wellness Resort
นอกจากนี้ กำไรในไตรมาส 4/62 คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้น YoY จากโมเมนต้มของรายไดัที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/62 และจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการรักษาทางการแพทย์ใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น, คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษแล้ว และคนไข้ต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นจากการกลับมาของคนไข้ตะวันออกกลาง โอมาน และกัมพูชา มีเพียงกลุ่มคนไข้จีนที่ลดลง
ทั้งนี้ กำไรปกติปี 63 คาดการณ์ไว้ในช่วง 1.06-1.10 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีนี้ที่คาดมีกำไรปกติ 9.64-9.9 พันล้านบาท
ราคาหุ้น BDMS ปิดเที่ยงวันนี้ 23.90 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.42%) ขณะที่ SET -0.39%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 30.30
ทิสโก้ ซื้อ 29.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 28.00
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 27.50
หยวนต้า (ประเทศไทย) เก็งกำไร 25.50
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แม้ระยะสั้นผลดำเนินงานของ BDMS จะยังไม่เติบโตมากนัก แต่ยังมีความคาดหวังในการเติบโตของผลดำเนินงานปี 63 ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น โดยประเมินกำไรราว 11,000 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทรงตัวที่กำไรปกติ 9,768 ล้าบาท ซึ่งปีหน้าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวของโครงการ Movenpick Wellness Resort
นอกจากนี้ BDMS ยังเป็นบริษัทฯที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ดังนั้นราคาหุ้นจึงควรที่จะมีพรีเมียมที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในกลุ่ม โดย BDMS มีสาขาเกือบ 50 สาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการทำประกันสุขภาพด้วย
สำหรับสัดส่วนลูกค้าหลักยังเป็นลูกค้าในประเทศ แต่ลูกค้าต่างประเทศอยู่ในลักษณะทรง ๆ ตัว โดยลูกค้าทางตะวันออกกลางค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นและสหรัฐจะยังอยู่ในอันดับต้น ๆ ด้านกำไรไตรมาส 3/62 ที่ออกมาทำได้ดีกว่าคาด ในแง่ของต้นทุนปรับขึ้นมาน้อยกว่าที่คาดไว้
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดว่า กำไรของ BDMS ในไตรมาส 4/62 น่าจะแข็งแกร่งขึ้น YoY เนื่องจากโมเมนตัมของรายไดัที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/62 และรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการรักษาทางการแพทย์ใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น, คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ (จากที่ต้องรับรู้ deferred tax 727 ล้านบาทจากกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น Ramkhamhaeng Hospital Plc(RAM.BK/RAM TB) และ SG&A ที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการบางส่วนของ Wellness Clinic ในไตรมาส 4/61)
พร้อมคงประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปีนี้เอาไว้ที่ 9.9 พันล้านบาท (ทรงตัว YoY) และปี 63 ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท (+6.6% YoY)
ส่วนบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลงานของ BDMS ในไตรมาส 4/62 คาดว่าจะยังทรงตัวจากฐานสูง ก่อนที่จะกลับมาเติบโตในปี 63 ราว 5% YoY
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มในไตรมาส 4/62 รายได้ยังคงเติบโตในระดับ 6-7% YoY คนไข้ต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น จากการกลับมาของคนไข้ตะวันออกกลาง โอมาน และกัมพูชา มีเพียงกลุ่มคนไข้จีนที่ลดลง แต่ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรคาดว่ายังคงถูกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง จากผลกระทบจากการขายหุ้น RAM และ BH ที่คาดผลประกอบการยังคงชะลอตัวในไตรมาส 4/62 ราว 6%
ภาพรวมปี 62 คงประมาณการกำไรปกติ (ไม่รวมกำไรพิเศษจาการขายหุ้น RAM) ปรับลดลง 3% YoY เหลือ 9,639 ล้านบาท ซึ่งกำไรปกติ 9 เดือนที่ 7,682 ล้านบาท คิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งกำไรทั้งปีน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้