KBS คาดรายได้ปี 63 หดตัวตามปริมาณผลผลิตน้ำตาล,ลุ้นกองทุน KBSPIF ได้ไฟเขียวกลาง มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 2, 2020 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากปีก่อนทำได้ 6,999 ล้านบาท ตามการผลิตน้ำตาลโดยรวมของไทยที่ลดลงกว่าครึ่ง หรือมาอยู่ที่ 8.3 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาภัยแล้งเป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทประเมินอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในปีนี้คาดจะเผชิญความเสี่ยงจากภัยแล้งที่รุนแรงในรอบ 40 ปี กดดันผลผลิตอ้อยและปริมาณน้ำตาลลดลงต่อเนื่อง โดยปีฤดูการผลิต 62/63 คาดว่าจะมีอ้อยเข้าหีบลดลงกว่า 40% หรืออยู่ที่ 75-80 ล้านตันอ้อย จากปีก่อนที่อยู่ที่ 133 ล้านตันอ้อย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย ส่งผลให้ราคาน้ำตาลตลาดโลกมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 14-15 เซนต์ต่อปอนด์ จากปีก่อน 12.30 เซนต์ต่อปอนด์

ขณะที่บริษัทคาดว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิต 62/63 จะลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ล้านตันอ้อย จากปีก่อนที่อยู่ที่ 3.3 ล้านตันอ้อย

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนรับมือภัยแล้งด้วยการเน้นบริหารพื้นที่เพาะปลูกเพื่อรักษาปริมาณและคุณภาพผลผลิตให้อยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพหีบสกัดให้ได้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย จากการใช้เทคโนโลยีต่อยอดสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมตั้งแต่ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และน้ำตาลทรายขาวผสมซูคราโลส เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรายย่อยและผู้บริโภคทั่วไปทั้งในและตลาดส่งออกในทวีปเอเชีย

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการส่งออกน้ำตาลรีไฟน์เพิ่มขึ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 95% ในปีนี้ จากปีก่อนที่มีการส่งออกน้ำตาลรีไฟน์อยู่ที่ 81% เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาด High-end และมีพรีเมียม

นายรักกิติ ตั้งล้ำเลิศ ผู้อำนวยการการเงิน KBS กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตรวม 73 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วจำนวน 2 สัญญา ได้แก่ ขายให้กับ EGAT จำนวน 22 เมกะวัตต์ และขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จำนวน 16 เมกะวัตต์

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้า ขนาด 18 เมกะวัตต์ และโรงงานน้ำตาล กำลังการผลิต 1.2 หมื่นตันอ้อยต่อปี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในเดือน ธ.ค.นี้ เบื้องต้นคาดโรงงานน้ำตาลจะมีรายได้เข้ามาราว 1,000 ล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวยังไม่มีสัญญาซื้อขายไฟให้กับทางภาครัฐ คาดหวังว่ารัฐจะเปิดประมูลในระยะเวลาอันใกล้นี้

ด้านความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) จำนวนไม่เกิน 2,800 ล้านบาท เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโรงงานน้ำตาล กำลังการผลิต 1.2 หมื่นตันอ้อยต่อปี และโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงโครงการอื่นที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่ม KBS ซึ่งกองทุนฯดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในกลางเดือนมี.ค.นี้

ที่ผ่านมาบริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพในทุกด้าน และนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตมาสร้างรายได้เชิงธุรกิจ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง ดำเนินการโดย บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี (KPP) จำกัด ที่ KBS ถือหุ้น 99.99% มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 73 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 22 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 16 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในปี 62 ทำรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่หน่วยงานภาครัฐ 728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 608 ล้านบาท จากปริมาณจำหน่ายหน่วยในการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ