อย่างไรก็ตาม บริษัทจึงมองว่าน่าจะกระทบกับผลการดำเนินงานในปีนี้เล็กน้อย โดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรป ซึ่งแม้ว่ายุโรปอาจจะกลับมาเปิดประเทศได้ในระยะเวลา 1-2 เดือนนี้ แต่บริษัทอาจจะกลับไปส่งออกชดเชยไม่ได้ทั้งหมด
"เราได้ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงมาเล็กน้อยเหลือโต 5-8% จากเดิมที่คาดเติบโต 10-15% จากติดปัญหาการส่งออกไก่ไปยุโรป หลังมีมาตการล็อกดาวน์ ทำให้เรากังวลว่าอาจจะ Recover ได้ไม่ทั้งหมด โดยสัดส่วนการส่งออกไปยุโรปคิดเป็น 1 ใน 3 ของการส่งออกไก่ทั้งหมด"นายเพชร กล่าว
ขณะที่ธุรกิจสุกรเติบโตขึ้น หลังซัพพลายในตลาดลดลงไปค่อนข้างมาก จากเรื่องโรคระบาดในสุกรในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนประเทศไทยไม่มีการระบาดดังกล่าว จึงเป็นผลบวกต่อการส่งออก ซึ่งบริษัทก็มีแผนขยายตลาดการส่งออกสุกรไปยังประเทศเวียดนาม เนื่องจากมีฐานการผลิตอยู่ และยังมองการส่งออกไปจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติม โดยได้ตั้งเป้าธุรกิจสุกรเติบโตปีละ 15%
ทั้งนี้ ธุรกิจไก่ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3.5-4 แสนตันต่อปี และธุรกิจสุกรมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 แสนตันต่อปี ซึ่งบริษัทก็มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในธุรกิจไก่ โดยอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ในยุโรป หากสามารถฟื้นตัวได้ใน 1-2 เดือนนี้ก็อาจมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่เบื้องต้นเริ่มเห็นสัญญาณการผ่านจุดสูงสุดของการระบาดไปแล้ว
นอกจากนี้อาหารสัตว์ก็ยังมีการเติบโตที่ดี จากการที่บริษัทมีการจำหน่ายอาหารสัตว์ไปนอกเครือมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% และในเครืออยู่ที่ 70%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องด้วยราคาสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 75 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาปัจจุบันปรับตัวลงมาอยู่ที่ 65 บาท/กิโลกรัมแล้ว ซึ่งบริษัทฯ เน้นขายในประเทศเป็นหลัก และเริ่มส่งออกไปเวียดนามบ้างแล้ว ส่วนราคาไก่ มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 39 บาทต่อกิโลกรัม แม้ในช่วงก.พ.-มี.ค.63 จะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ภาพรวมในไตรมาส 1/63 น่าจะเติบโตดีอยู่