ทริสฯ ลดเครดิตองค์กร PSL เป็น "BB+" และลดเครดิตหุ้นกู้ เป็น "BB" พร้อมประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม "Negative"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 24, 2020 12:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร ของบมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) มาอยู่ที่ระดับ "BB+" จากระดับ "BBB-" และลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทมาอยู่ที่ระดับ "BB" จากระดับ "BB+" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศ "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" สำหรับอันดับเครดิตของบริษัทด้วย

ทั้งนี้ การประกาศผลอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระของบริษัทท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยของตลาดเงิน ตลาดทุน รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่จะอ่อนแอลงอันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระรวมจำนวน 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 12 เดือนข้างหน้านับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จนถึงเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งในจำนวนนี้รวมหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 54.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2563 (ซึ่งได้มีการเข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (Cross Currency Swap) จากจำนวน 1.96 พันล้านบาท) และจำนวน 99.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2564 (มีการเข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน จากจำนวน 3.59 พันล้านบาท)

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2564 จะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังได้ส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันในภาคการผลิตและอุปสงค์ในด้านการขนส่งทางเรือเทกองอีกด้วย นอกจากนี้ อุปสงค์ดังกล่าวยังคาดว่าน่าจะชะลอตัวต่อไปอีกจนถึงปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากการแพร่ระบาดได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอลงทำให้บริษัทจะต้องอาศัยการหาแหล่งเงินกู้ใหม่มาใช้ทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดการเงินอยู่ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันก็ยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่ทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทที่จะหาแหล่งเงินทุนที่เพียงพอเพื่อนำมาใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดได้อย่างทันเวลา

บริษัทคาดว่าจะมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ บริษัทยังมีเรือขนส่งสินค้าที่ไม่ติดภาระจำนองอยู่ 9 ลำซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 85-90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อที่จะสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจากับธนาคารหลายแห่งเพื่อจัดหาวงเงินกู้ใหม่ โดยทั้งภายใต้เงื่อนไขที่ใช้เรือที่ไม่ติดภาระจำนองเพื่อเป็นหลักประกันและการขอวงเงินเพิ่มเติมจากสินเชื่อที่มีอยู่เดิมกับธนาคารในวงเงินที่มีสัดส่วนหนี้คงเหลือต่อมูลค่าหลักประกันที่ต่ำ หากบริษัทไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ใหม่จากธนาคารได้เพียงพอต่อการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่บริษัทอาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอชำระหนี้บางส่วนหรือขอเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป

และถึงแม้ว่าบริษัทจะบริหารจัดการจนสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ได้ แต่สถานะสภาพคล่องของบริษัทก็จะยังคงอยู่ภายใต้สภาวะกดดันอย่างมาก เพราะบริษัทยังมีหุ้นกู้อีกชุดหนึ่งที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมกราคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 99.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทริสเรทติ้งจะติดตามสถานการณ์ดังกล่าว และอาจจะมีการลดอันดับเครดิตของบริษัทลงต่อไปอีกหากบริษัทไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าจะสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนมาได้อย่างเพียงพอต่อการชำระหนี้ และ/หรือผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงยิ่งขึ้นจาก ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ