บลจ.วรรณ คาด AUM ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.45 แสนลบ.ลุ้น SET ขึ้นรับแผนกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 21, 2020 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า บริษัทคาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะไม่ต่ำกว่าระดับ 1.45 แสนล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.41 แสนล้านบาทแล้ว แบ่งเป็น กองทุนรวม 36% กองทุนส่วนบุคคล 27% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 37%

นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 30 ต.ค.-20 พ.ย. บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งเป็นกองทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น แต่จะเน้นการลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

"ปัจจุบันความต้องการลงทุนกองทุนต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนของตลาดหุ้น และตลาดการลงทุนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้ดูแลกระจายการลงทุนให้เหมาะสม โดยบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายและสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีในภาวะที่มีความผันผวนสูงในปัจจุบัน ส่งผลให้ AUM ของบริษัทเติบโตขึ้นต่อเนื่องแม้จะมีบางส่วนที่ขายทำกำไรออกมาบ้างก็ตาม"นายพจน์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทต่อจากนี้จะยังคงเน้นการเพิ่มช่องทางการขายให้เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการให้คำแนะนำการลงทุนเชิงรุก เพื่อให้ทันต่อภาวะตลาดมากที่สุด โดยเตรียมเปิดตัวบริษัทในเครือใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจประมาณ 10 แห่ง และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งแรกของปี 64

"บริษัทในเครือใหม่ที่กำลังจะเปิดดำเนินการทาง บลจ.วรรณ ถือหุ้น 100% และเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับ บลจ.วรรณ ซึ่งผมมองว่า บลจ.วรรณ ไม่ได้เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีแม่เป็นธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เราจะต้องพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และเพิ่มช่องทางการขายของผลิตภัณฑ์บลจ.วรรณ อีกทั้งจะต้องมีการปรับตัวใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยผมเชื่อมั่นว่า ธุรกิจใหม่ของบลจ.วรรณจะมีกลยุทธ์และการบริการที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม ณ ปัจจุบันนี้"นายพจน์ กล่าว

สำหรับธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแปลงสภาพของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) ในบางกองทุน เพื่อเป็นกองรีท (REIT) ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพิ่มเติม และทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทได้เจรจาเพิ่มเติมกับพันธมิตรอีก 1-2 แห่งเพื่อหาโอกาสเปิดกองทุนใหม่ด้วย โดยทางบริษัทจะดูแลทั้งสินทรัพย์ต่อไปในบทบาทของทรัสตี หรือผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager)

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้ง Private Equity Trust จำนวน 2-3 กองในฐานะทรัสตี ให้แก่นักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ เพื่อลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีผลตอบแทนที่ดี

ด้านนายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยว่า จะต้องติดตามทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยในต่างประเทศ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ในช่วงไตรมาส 3/63 ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโตได้ 4.9% ต่อมาคือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันหลายประเทศได้กลับมาล็อกดาวน์อีกครั้งหลังจากมีการแพร่ระบาดระลอกสอง จะกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจอย่างไร และสุดท้ายคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและการเงินของโลก

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความรุนแรงมากขึ้นหรือจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมองว่าในช่วงนี้ดัชนีจะแกว่ง Sideway เพื่อรอความชัดเจน โดยมีแนวรับสำคัญทางเทคนิคหากไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยระลอกสอง คือ 1,150 จุด แต่เชื่อว่าดัชนีจะไม่ลดถึงระดับดังกล่าวเพราะผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไม่น่าจะต่ำลงมาก

ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าตลาดหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยมองเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,380 จุด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลที่ได้ผลตอบรับที่ดีและไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง อีกทั้งตั้งเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยของปีหน้าที่ระดับ 1,440 จุด ภายใต้สมมติฐานกำลังการผลิตทั่วโลกและกิจกรรมทางการค้า เริ่มมีการฟื้นตัวจากฐานที่ทรงตัวระดับต่ำในปีนี้

สำหรับเศรษฐกิจภายในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยมีการปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ -7.8% และคาดว่าปีหน้าจะเริ่มมีการขยายตัวได้ดีจากฐานที่ต่ำของปีนี้ อีกทั้ง คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากถูกกดดันจากระดับราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ