SGP คาดผลงาน Q4/64 โตแรงรับราคาก๊าซพุ่งรอบ 7 ปี-ดีมานด์ฟื้นหลังเปิดเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 10, 2021 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/64 จะยังคงโตแรงอย่างต่อเนื่อง จากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกที่ทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี ประกอบกับความต้องการใช้แก๊สเริ่มฟื้นตัวหลังจากภาครัฐมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคาร ร้านค้า ผู้ประกอบการรถ Taxi รวมไปถึงมีการขับเคลื่อนของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว อีกทั้งราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการใช้แก๊สในภาคธุรกิจขนส่งเริ่มกลับมาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ จะส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัท

จากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ขยับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยจากการสำรวจราคาเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 3 ราคาขยับขึ้น 137.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และในช่วง 2 เดือนของไตรมาส 4/64 ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 185 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาก๊าซ LPG ในปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจก๊าซ LPG ในต่างประเทศอย่างชัดเจน สนับสนุนให้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์แอลพีจีขยับสูงขึ้น นอกจากนี้ภาครัฐมีคำสั่งเปิดประเทศ ถือเป็นประเด็นบวกต่อบริษัทเพิ่มเติม ช่วยสนับสนุนให้ความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศขยายตัวอีกทางหนึ่งด้วย

ในปี 64 คาดว่ายอดขายแอลพีจีจะเติบโต 15% จากปีก่อน หรืออยู่ที่ราว 3.73 ล้านตัน เนื่องจากความต้องการขยายตัวค่อนข้างมาก หลังช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการทำตลาดเพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ล่าสุดบริษัทร่วมกับ บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินกิจการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะแบบครบวงจร หรือ CABB Taxi มองเห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน เปิดโครงการนำร่องให้ผู้เช่าของ CABB Taxi 50 คัน สามารถใช้บัตรเครดิตนิติบุคคลเติมน้ำมัน (Fleet Card) เพื่อใช้ชำระค่าเติมก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่สถานีบริการสยามแก๊สทั่วประเทศ

สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนปี 64 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2,816.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,771.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 169.5 % เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,612.09 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 55,478.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,669.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.95 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 40,808.85 ล้านบาท โดยมียอดขายเท่ากับ 2.42 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ