ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ (20 พ.ย.) หลังจากที่ได้ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ เนื่องจากตลาดหุ้นหลักๆในภูมิภาคดีดตัวขึ้นในช่วงการซื้อขายในช่วงบ่าย อันเป็นผลมาจากรายงานที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดน่าจะมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐในรายงานการประชุมเดือนต.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในเย็นวันนี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานผ่านเว็บไซต์ว่า เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้ และจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งในปีหน้า "นักลงทุนต่างซึมซับปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาคและพิจารณาไปในทิศทางเดียวกัน" เค อาจิธ นักวิเคราะห์จากยูโอบี เคย์ เฮียนกล่าว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกง ญี่ปุ่นและจีน ล้วนแล้วแต่ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ "ตลาดไม่ได้อาศัยปัจจัยพื้นฐานต่างๆ แต่อาศัยบรรยากาศการซื้อขายที่เกิดขึ้นแทน" อาจิธกล่าว สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.55 จุด หรือ 0.8% ปิดที่ 3,438.27 จุด หลังเคลื่อนไหวระหว่าง 3,322.94 จุด และ 3,462.46 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 2.3 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ "แรงเทขายมีมากเกินไป ตลาดหุ้นต่างๆร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตซับไพรม์และสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ" เทอเรนซ์ หว่อง หัวหน้านักวิจัยจากดีเอ็มจี พาร์ทเนอร์ส แอนด์ ซิเคียวริตี้ส์กล่าว "เมื่อบรรยากาศการซื้อขายซบเซา ปัญหาทั้งหมดก็เพิ่มขึ้น คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีนี้แล้ว เพราะปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้ปรากฏชัดแจ้งแล้ว" อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันปัญหาการเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็ได้สร้างมูลค่าและเปิดโอกาสในนักลงทุนกลับเข้ามาเทรดในตลาดอีกครั้ง เนื่องจากปัจจัยพิ้นฐานภายในประเทศแข็งแกร่ง "ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวแตะระดับ 3,700 จุด ในช่วงสิ้นปีนี้ แม้ว่าโดยรวมแล้วตลาดจะยังคงไร้ทิศทางก็ตาม" เขากล่าว หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ และหุ้นธนาคารยูโอบี พุ่งขึ้น 40 เซนต์ ส่วนหุ้นกลุ่มบลูชิพปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน หุ้นเอสที เอ็นจิเนียริ่ง เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หุ้นเวนเจอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 70 เซนต์ และหุ้นสิงคโปร์ เอ็กเชนจ์ เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ขณะที่หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ปิดเพิ่มขึ้น 10 เซนต์ แต่หุ้นได้ร่วงลงในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากที่สำนักงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของอินโดนีเซีย (เคพีพียู) ได้ตัดสินว่าเทมาเส็ก โฮลดิ้ง กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของอินโดนีเซีย เนื่องจากเทมาเส็กถือหุ้นทั้งในบริษัทพีที เทลคอมเซล และพีที อินโดแซท ซึ่งเป็นบริษัทโทรศัพท์มือถือ 2 รายใหญ่สุดของอินโดนีเซีย ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้ ดีเวลอปเมนท์ เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หุ้นเค็พเพล แลนด์ เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ และหุ้นออลกรีน เพิ่มขึ้น 3 เซนต์