CONSENSUS: โบรกฯเชียร์"ซื้อ" TOP คาดกำไร Q2/65 โตเด่นจาก GRM ทำนิวไฮ-รับรู้กำไรขาย GPSC

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 2, 2022 13:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

            กสิกรไทย                    ซื้อ                        69.70
            พาย                        ซื้อ                        71.00
            กรุงศรี                      ซื้อ                        63.00
            ทรีนีตี้                       ซื้อ                        67.00
            ฟิลลิป                       ซื้อ                        63.50
            เคจีไอ                      ซื้อ                        71.00
          นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 จะอยู่ที่ 2.16 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 918% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 201% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากค่าการกลั่น (GRM) ที่อยู่ในระดับสูง โดยคาดว่า market GRM ของ TOP ในไตรมาส 2/65 จะอยู่ที่ 21.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น จาก 0.4 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ในไตรมาส 2/64 และ 6.4 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ในไตรมาส 1/65 และอัตราการผลิตของโรงกลั่นที่สูงที่ 110% จากอุปสงค์น้ำมันที่ฟื้นตัวทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค
          นอกจากนี้คาดมีกำไรสต็อกน้ำมันที่ 6.3 พันล้านบาท และจะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกน่าจะอยู่ที่ 2.88 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 102% ของประมาณการทั้งปี
          สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 คาดอ่อนตัวจากไตรมาส 2/65 จาก GRM ที่ลดลง ผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน และไม่มีรายการพิเศษ หรือกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC แล้ว
          อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 66 ที่ 69.70 บาท จากแนวโน้มกำไรระยะยาวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะหลังจากโครงการ CFP เสร็จสมบูรณ์ในปี 67 และแนวโน้มอุตสาหกรรมการกลั่นที่น่าจะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโรงกลั่นใหม่ที่จำกัด
          บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 จะเติบโตแตะ 2.25 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 962% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 214% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากค่าการกลั่นที่สูงเป็นประวัติการณ์ระดับ 23 ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบกับ 6.4 ดอลลาร์/บาร์เรล ในไตรมาส 1/65 จากส่วนต่างราคาเบนซิน เชื้อเพลิงเครื่องบิน และดีเซลที่สูงขึ้นจากเหตุขัดข้องทางอุปทานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
          นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษ 1.28 หมื่นล้านบาทจากการขายหุ้น 10.78% ใน GPSC อีกด้วย ซึ่งผลงานที่แข็งแกร่งในกลุ่มโรงกลั่นน่าจะช่วยให้กำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ (GIM) เพิ่มเป็น 24 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 7.6 ดอลลาร์/บาร์เรล ในไตรมาส 1/65 แม้ส่วนแบ่งจากกลุ่มอะโรเมติกส์และ LAB จะอ่อนแอเนื่องจากส่วนต่างราคา PX และ BZ ที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะกำลังการผลิตส่วนเพิ่มในเอเชียก็ตาม
          คาดกำไรปกติครึ่งปีหลังนี้จะปรับตัวดีขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากครึ่งปีแรก ส่วนค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นแตะจุดสูงในรอบหลายปีที่ผ่านมา จะปรับลดลง สะท้อนถึงแนวโน้มค่าการกลั่นของบริษัทที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป ส่วนการกลับมาของน้ำมันส่งออกจากจีนหลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 และจากรัสเซียหลังผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรน่าจะทำให้ค่าการกลั่นลดลงจากยอดสูงในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามยังคงสมมติฐานค่าการกลั่นที่ 10 ดอลลาร์/บาร์เรล เติบโต จาก 3.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ในปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งเพราะเศรษฐกิจเอเชียที่ฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤติโควิด-19
          คงคำแนะนำ ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 71.00 บาท จากคาดกำไรที่แข็งแกร่งในปีนี้ และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูดระดับ 8.4% ในปี 65 จะหนุนทิศทางราคาหุ้นได้ ทั้งนี้บริษัทได้เลื่อนแผนการเพิ่มทุนออกไปเป็นไตรมาส 4/65
          บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/65 จะอยู่ที่ 2.17 หมื่นล้านบาท จาก GRM ที่แข็งแกร่ง และมีกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ราว 1.28 หมื่นล้านบาทหลังหักภาษี จากการขายหุ้น GPSC ส่วนครึ่งปีหลังนี้มอง TOP จะลดปริมาณน้ำมันที่ป้องกันความเสี่ยงลงเหลือ 20% ของปริมาณยอดขาย และคาด market GRM จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 13-15 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการฟื้นตัวของอุปสงค์
          TOP ยังจะประกาศวันปิดสมุดทะเบียนสำหรับกำหนดสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งถูกเลื่อนมาจากเดือนมิ.ย.โดยคาดว่าการเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/65


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ