(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าพักฐานตามหุ้นโลกรับเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาดหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 14, 2022 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือน ส.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.1% จะเป็นปัจจัยกดดันให้มีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นวันที่ 20-21 ก.ย.

นักลงทุนให้น้ำหนัก 32% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% และให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปี หนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง

ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นทุกกลุ่มจะปรับตัวลดลงกัน ยกเว้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มประกัน และ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

พร้อมให้แนวรับที่ 1,640 จุด ถัดไป 1,635 จุด แนวต้าน 1,665-1,672 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ก.ย.) 31,104.97 จุด ร่วงลง 1,276.37 จุด หรือ -3.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.69 จุด ลดลง 177.72 จุด หรือ -4.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,633.57 จุด ร่วงลง 632.84 จุด หรือ -5.16%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,132.70 จุด ร่วงลง 481.93 จุด หรือ -1.68%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,933.30 จุด ลดลง 393.56 จุด หรือ -2.04% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,224.68 จุด ลดลง 39.12 จุด หรือ -1.20%¶
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,661.09 จุด ลดลง 4.65 จุด, -0.28%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 355.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(13 ก.ย.) ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 87.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ย.) อยู่ที่ 7.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.67 ตลาดกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง มองกรอบ 36.55-36.75
  • ลุ้นวันนี้ ศาล รธน.ถกวาระ 8 ปี "บิ๊กตู่" ชี้ หากคดีสิ้นข้อสงสัย นัดวันลงมติได้ทันที "วิษณุ" ขอให้รอฟังศาล รธน. "วัชระ" ยื่นบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500-501 ให้ศาลรธน."เสรีพิศุทธ์" จี้ "บิ๊กตู่" ลาออกก่อนวินิจฉัย "บิ๊กป้อม" ปัดตอบความเคลื่อนไหว "หญิงอ้อ" "สันติ" ยันไม่มีปัญหาหาก ส.ส.เศรษฐกิจไทยหวนกลับ พปชร. "สุชาติ" ระบุ "ผู้กอง" กลับพปชร. ยาก เย้ยจะพา "ทักษิณ" กลับบ้านไม่ง่าย ด้าน "ธรรมนัส" มาแล้วเร่งแก้ปัญหาก่อนมายุ่งเรื่องย้ายพรรคอื่น
  • ครม.ไฟเขียวควักเงินอุ้มกลุ่มครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือนราว 21.46 ล้านรายช่วยลดผลกระทบค่าไฟ 4 เดือน (ก.ย.-ธ.ค.) ดึงงบกลาง 9,128 ล้านบาทดูแล พร้อมขยายระยะเวลาลดภาษีฯดีเซลต่ออีก 2 เดือนเริ่ม 21 ก.ย.-20 พ.ย. 65 คลังสูญรายได้รวม 20,000 ล้านบาท พร้อมเว้นภาษีน้ำมันเตา และดีเซล(บี0) 6 เดือนสูญอีก 1,400 ล้านบาทหวังหนุน ศก.ไปต่อ "อาคม" คงเป้า ศก.ปี'65 โต 3.5% พร้อมไฟเขียวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด 356 บาท ต่ำสุด 328 บาท กทม.-ปริมณฑล 353 บาท อัตราเฉลี่ยประมาณ 5% มีผล 1 ต.ค.
  • นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผย แนวทางการพัฒนาแหล่งพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อน ไทย-กัมพูชา หรือ (Overlapping Claims Area : OCA) เพื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้รองรับวิกฤติด้านพลังงานของประเทศ ว่า เรื่องนี้อยู่ในแผนการทำงานของรัฐบาลแล้ว และคงกำหนดเอาไว้เป็นแผนในระยะยาว โดยยืนยันว่าตามแผนของรัฐบาลได้กำหนดแนวทางเอาไว้ 2 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมพลังงานสะอาดมากขึ้น ด้วยการพึ่งพาตัวเอง และ 2.การแสวงหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ หรือแหล่งพลังงานที่มีในประเทศ เช่น การเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ โดยพร้อมกับพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศกัมพูชา เป็นต้น
  • นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการเสนอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศอยู่ที่ 328-354 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 ถือเป็นความเห็นชอบของไตรภาคีที่เป็นเอกฉันท์ ทั้งนายจ้างลูกจ้างและปลัดกระทรวงแรงงาน โดยปรับขึ้นอยู่ที่ 5-8% ภาพรวมปรับอยู่ที่กว่า 5% ถือว่าผ่านมา 2 ปี รวบยอดปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค.65 ที่ 90.5 เพิ่มขึ้นจาก 89.0 ในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 31 เดือนนับตั้งแต่ ก.พ.63 ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมการท่องเที่ยวดีขึ้นหลังยกเลิก Thailand Pass รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาครัฐหนุนการใช้จ่ายในประเทศ แต่ค่าดัชนีฯยังต่ำกว่า 100 ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นฯ ในภาพรวมยังไม่ได้สูงเหมือนสถานการณ์ปกติเพราะยังมีปัจจัยลบ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AOT (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยเด่นที่หนุนภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว โดยเรายังคงประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ที่ระดับ 9 ล้านคน และเร่งขึ้นต่อเนื่องปีหน้าที่ 22 ล้านคน คาดว่าจะหนุนผลการดำเนินงานพลิกกลับมาTurnaround ได้ในปีหน้า
  • BTS (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 11.30 บาท แนวโน้มผลประกอบการทยอยฟื้นตัว ตามจำนวนผู้โดยศาลที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นยัง Laggard จากหุ้นธีมเปิดเมือง (YTD-5%) และล่าสุดมี Sentiment บวกชนะคดี กทม.ผิดสัญญาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฯ สายสีเขียว
  • PLANB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 8.4 บาท กลับมา Reinitiate coverage เป็นสื่อ out-of-home (OOH) รายใหญ่สุดของไทย ปริมาณสื่อ OOH PLANB อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ช่วง 8 ปี (ปี 58-65) ที่ 14.8% ส่งผลให้คาดว่าส่วนแบ่งรายได้ของสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 58 มาอยู่ที่ 46% ในปี 65 มุมมองบวกต่อการซื้อ MACO Aqua Ad และ Broadway Media ปัจจัยหนุนราคาหุ้นมาจาก 1)รายได้โฆษณาสื่อ OOH ฟื้นเร็วกว่าคาด 2) อัตรากำไรปกติเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด 3)ความกังวลกฎระเบียบจาก กทม.บรรเทาลง และ 4)ความสำเร็จในการสร้างกำไรจากธุรกิจนอกกลุ่ม OOH โดยล่าสุด มวยไทย The Voice ฯลฯ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ