HILITE: DELTA นำกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดกำไร Q3/65 โตแกร่งขานรับวัฎจักรขาขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 4, 2022 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้น โบรกเกอร์คาดกำไรในไตรมาส 3/65 เติบโตแข็งแกร่งจากวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม โดยยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีโอกาสจะขยับไปในทิศทางเดียวกับยอดขาย semiconductor โลก โดยยอดขายของ DELTA มักจะฟื้นตัวได้ดีที่สุด

เมื่อเวลา 11.46 น.

DELTA พุ่ง 8.06% หรือเพิ่มขึ้น 50 บาท มาที่ 670 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,164.49 ล่านบาท

HANA บวก 2.82% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 36.50 บาทมู ลค่าซื้อขาย 62.97 ล้านบาท

SVI บวก 2.01% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาที่ 7.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 29.66 ล้านบาท

KCE บวก 1.19% หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท มาที่ 42.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 499.41 ล้านบาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักรวมในไตรมาส 3/65 ของบริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) , บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA),บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิกตนส์ (KCE) และบมจ.เอสวีไอ (SVI) จะอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท (+71 YoY, -5% QoQ) ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักรวมในงวด 9 เดือนแรกปี 65 อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท (+66% YoY) จากยอดขายจะคาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 21% YoY

โดยคาดว่ากำไรของ DELTA จะโตแรงสุด YoY ถึง 194% YoY จากยอดขายที่คาดว่าจะโต 38% YoY (เพราะมีการกลับมาเปิดดำเนินการหลังน้ำท่วมในไตรมาส 3/64) และอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9ppts YoY ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรของ SVI จะโตแรงสุด QoQ ที่ 21% เนื่องจากคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 12% QoQ (จาก backlog ที่แข็งแกร่ง) และอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 0.5ppt QoQ จากการอ่อนค่าของเงินบาท

วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมมีโอกาสจะจบรอบไปแล้วหลังจากที่ยอดขาย semiconductor โลกขยับขึ้นมาแล้วถึง 37 เดือน (จากเมษายน 2562 - พฤษภาคม 2565) ซึ่งยาวกว่าขาขึ้นรอบก่อน ๆ ที่กินเวลาประมาณ 30 เดือน ซึ่งเมื่ออิงจากข้อมูลในอดีต ยอดขาย semiconductor โลกจะลดลงประมาณ 15% โดยเฉลี่ย ยกเว้นในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ ที่ลดลงไปถึง 39% ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 และ กุมภาพันธ์ 2552

ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีโอกาสจะขยับไปในทิศทางเดียวกับยอดขาย semiconductor โลก โดยยอดขายของ DELTA มักจะฟื้นตัวได้ดีที่สุด ดังนั้น จากการที่ยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ไทยมมีสหสัมพันธ์กับยอดขาย semiconductor โลกประมาณ 0.8 ในขณะที่วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอาจจะจบรอบแล้ว และยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป จึงน่าจะทำให้ยอดขายลดลง

บล.เคจีไอ ปรับลดสมมติฐานยอดขายของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยลง 3-13% เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยเราปรับลดยอดขายของ KCE ลงมากที่สุดในกลุ่ม เพราะมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรปค่อนข้างสูง (50% ของยอดขายรวม) ในขณะที่สินค้าขั้นสุดท้ายเป็นสินค้าประเภทที่มีราคาแพง และอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ (กลุ่มยานยนต์คิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้รวม) ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2566 ลง 4% - 19% (Figure 17) ซึ่งหมายความว่าประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2566 ของ KCE จะหดตัว 3% และของ HANA จะหดตัว 2% ในขณะที่ของ SVI จะโต 3% และของ DELTA จะโต 10%

กำหนด PER แบบมี premium (+0.5 S.D.) สำหรับหุ้น DELTA เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวได้ดี ในขณะที่กำหนด PER - 0.25 S.D. สำหับหุ้น KCE และ HANA เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำหนด PER -0.5 S.D. สำหรับหุ้น SVI เพื่อสะท้อนถึงพอร์ตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยุโรป (ประมาณ 70% ของรายได้รวม) และอัตรากำไรที่ด้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม

ทั้งนี้ ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ "เท่ากับตลาด" โดยเราแนะนำ "ถือ" สำหรับหุ้นทุกตัวในกลุ่มนี้ที่เราศึกษาอยู่ และแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ