KTB โชว์กำไร Q1/67 โต 10.1%YoYตามรายได้-คุมค่าใช้จ่าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday April 20, 2024 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

KTB โชว์กำไร Q1/67 โต 10.1%YoYตามรายได้-คุมค่าใช้จ่าย

ธนาคารกรุงไทย (KTB) เผยไตรมาสที่ 1/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัว 15.4% จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ

ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ Cost to Income ratio เท่ากับ 43.6% โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง โดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสมในไตรมาสที่ 1/2567 และยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต

ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม ยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงคงที่ประมาณ 181% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับเมื่อสิ้นปี 2566 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง โดยมี สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 98,815 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) เท่ากับ 3.14%

เทียบกับไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เพิ่มขึ้น 81.3% โดยหลักจากการตั้งสำรองลดลง 38.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่ธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลงในไตรมาสที่ 4/2566 ทั้งนี้ รายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัว 2.8% โดยมี Cost to Income ratio ลดลงจาก 44.8% ในไตรมาส 4/2566 เป็น 43.6% ในไตรมาสนี้ จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 181.8% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.33% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 20.50% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด

ในวันที่ 25 มกราคม 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings ได้ประกาศปรับแนวโน้ม (outlook) ของธนาคารเป็น Positive (จากระดับ คงที่ หรือ Stable) ในขณะที่คงอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลของธนาคาร ที่ BBB- จากพัฒนาการของธนาคารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านความสามารถในการทำกำไร (profitability) และการปรับปรุงและดูแลด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง (asset quality management)

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขับเคลื่อนโดยการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อการผลิตและการส่งออก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการขยายวงและต่อเนื่อง และสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน รวมถึงแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจ SME บางส่วนเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นจึงฟื้นตัวได้ช้า ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง โดยพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดและอุปสรรคในเชิงระบบ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด สนับสนุนให้กู้เท่าที่จำเป็นและผ่อนชำระไหว โดยยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ