(เพิ่มเติม) กลุ่มผถห.ใหญ่ 3 กลุ่มเข้ากุมอำนาจ EWC ตั้งกก.ใหม่ 10 คน,เล็งทำอสังหาฯ

          บมจ.อีสเทิร์นไวร์ (EWC) เปลี่ยนกลุ่มกุมอำนาจบริษัท มาที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 กลุ่ม จาก กลุ่มนายชนะชัย ลีนะบรรจง, กลุ่มบมจ. เด็มโก้ และ กลุ่มบมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) โดยในการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทวันนี้ได้มีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ 10 คน แต่ยังมีกรรมการชุดเกาเหลือยู่ 3 คน "วุฒิชัย ลีนะบรรจง" เสนอตัวพร้อมเป็นกรรมการผู้จัดการ และเดินหน้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งยกเลิการออกขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท และ หุ้นบริษัทเอื้อวิทยา ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
          ในการประชุมผู้ถือหุ้น EWC ที่มีนายวิชัย ตันติกุลานนท์ เป็นประนการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น EWC อนุมัติแต่งตั้ง พล.อ.อาชวินทร์ เศวตเศรณี และ นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง เป็นกรรมการใหม่แทนนางสุดใจ แสงรัตน์ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ  และนายนรินทร์ ภัทรยรรยง กรรมการ ที่ครบวาระแทน โดย 2 คนนี้อยู่ในกลุ่มนายชนะชัย ลีนะบรรจง หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นของ EWC
          ต่อมา ในวาระอื่น ได้มีเสนอและแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ 8 คน ได้แก่ นายธาร อัสธีรวัฒน์, ดร.ภูษิต เลิศวัฒนาลักษ์, นายดนุสรณ์ ชูเชิดวัฒนศักดิ์, นายสุทิน เผด็จภัย, นายศักดิ์ธาร โยธานันท์, นายสมชัย ทองศิริกุล, นายอานนท์ เลขาสถาพร และ นายชัยโรจน์ เวทย์นฤมาณ รวม มีกรรมการหน้าใหม่จำนวน 10 คน รวมกรรมการ เดิม 3 คนที่เหลือ ได้แก่ นายฐิติพันธ์ นาครทรรพ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่อีกตำแหน่ง, นายต่อศักดิ์ โชติมงคล และ นายวิจิตร เตชะเกษม ที่ 2 คนหลังเพิ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา 
          โดยที่ประชุม ได้แต่งตั้งให้ พล.อ. อาชวินทร์ เป็นประธานกรรมการ แทนนายมงคล รัตนวิชัย 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนจากคณะกรรมการชุดใหม่ มาจากผู้ถือหุ้น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนายชนะชัย ลีนะบรรจง มี 4 คน , กลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เด็มโก้ มี 3 คน  และ กลุ่มบมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) มี 4 คน
          นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง กล่าวว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการแล้ว เห็นว่า อีสเทิร์นไวร์ มีศักยภาพด้านธุรุกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังสามารถเติบโตได้ และโดยส่วนต้วถือหุ้นอยู่ปรมะณ 7% และ ทั้งนี้ ตนจะนำความรู่ความสามารถด่านวิศวกรรมของตัวเองมาใช้ในธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี และตัวเองก็ทำธุรกิจอสังหาริทรัพย์อยู่แล้ว
          ซึ่งหากคณะกรรมการมีมติให้ตนเป็นกรรมการผู้จัดการ ตนก็มีความพร้อม แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัท เนื่องจากคณะกรรมการชุดใหม่ล่วนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเชื่อจะนำอีสเทิร์นไวร์ปผ่านพ้นปัญหาไปได้
          "วันนี้หลังมีกรรมการชุดใหม่ จะทำให้อีสเทิร์นไวร์เดินหน้าทำธุรกิจต่อเนื่อง และมีอำนาจเต็มในการบริหารกิจการจการแก้ไขข้อบังคับเพื่อให้ลงนาม เบิกจ่ายเงิน รวมถึงเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจลงนาม รวมถึงเปลี่ยนแปลงตราบริษัทด้วย ส่วนกรรมการเดิม ที่ยังคงยังสถานะเป็นกรรมการอยู่ หากทำงานร่วมกันก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะยังไงเสีย กรรมการเสียงข้างมากยังเป็นฝ่ายเราอยู่" นายวุฒิชัยกล่าว 
          นอกจากนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ได้มีมติยกเลิกการขายหุ้นเพิ่มทุนบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด(มหาชน) (UWC)  จำนวน  50 ล้านหุ้น รวมทั้งหุ้นกู้แปลงสภาพของเอื้อวิทยา โดยยกเลิกหุ้นเพิ่มทุนที่รจะรองรับการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนสน 80.5 ล้านหุ้นด้วย  เนื่องจากเห็นว่า การดำเนินธุรกรรมดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท 
          นายวุฒิชัย ยังกล่าวว่า คณะกรรมการมีเรื่องเร่งด่วนโดยจะยกเลิกการขายสินทรัพย์ของบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) ซึ่งทั้ง บริษัท เอื้อวิทยา และ บริษัท ระยองไวร์ฯ เป็นบริษัทที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ดังนั้น การที่จะขายสินทรัพย์เหล่านี้ออกไปเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามการดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งศาลแพ่ง ซึ่งการจัดประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ก็เป็นไปตามคำสั่งศาลเช่นกัน จึงเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา และหากมีปัญหาเชื่อว่าจะกระบวนการศาลอื่นมาดำเนินการกับผู้บริหารชุดเดิม เนื่องจากการเลือกประชุมวันนี้ก็เพื่อประโยชน์ของรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ที่ไม่สามารถซื้อขายหุ้นได้ เนื่องจากผู้บริหารไม่ปฆิบัติตามคำสั่งและหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ 
          นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงจำนวน 72.7 ล้านหุ้น ไม่อนุมัติเพิ่มทุน 30 ล้านหุ้น และจัดสรรเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง   
          โดยก่อนหน้า คณะกรรมการบริษัท EWC ได้อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับ นายวิชัย ทองแตง, นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ, มล.ชัยภัทร ชยางกุล, นายเถลิง อยู่บำรุง และ นายวิบูลย์ เลาหพงศ์ชนะ โดยจัดสรรให้รายละ 6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 12 บาท จำนวนเงิน 72 ล้านบาท 
          ทั้งนี้ บรรยากาศการประชุมมีจำนวนผู้ถือหุ้นเข้าร่วมจำนวนผ 181 ราย โดยมาประชุมด้วยตัวเอง 47 ราย ซึ่งถือหุ้น 50.72 ล้านหุ้น และ ผู้ที่ได้รับมอบฉันทะ จำนวน 134 ราย รวมจำนวน 22.14 ล้านหุ้น