โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CPF เป็นหุ้น Defensive Stock-ปันผลสูง-ปีนี้โตแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 8, 2010 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)มองเป็นหุ้น Defensive Stock หลักในกลุ่มอาหารมองว่า CPF มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและมาร์จินดีขึ้น อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลที่สูง อีกทั้ง CPF ยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า เนื่องจาก CPF มีทั้งการนำเข้าและการส่งออก

ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับไตรมาส 2/53 โดยคาดว่าจะมีกำไร 4,000 ล้านบาท รับผลจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง และธุรกิจสัตว์น้ำก็ดีด้วย เพราะเป็นฤดูการส่งออกสัตว์น้ำไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4/53 ผลประกอบการอาจจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาลที่มักจะเกิดขึ้นทุกปี

นอกจากนี้ ภายใต้เปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจใหม่ ฐานกำไรของ CPF จะสูงขึ้น และมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนมากขึ้นที่ระดับ 13% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 53 ในช่วง 13,391-14,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 10,190 ล้านบาท โดยรวมปีนี้ CPF คงจะรับผลบวกจากราคาเนื้อสัตว์ทั้งในและต่างประเทศปรับตัวขึ้นและยืนทรงตัวในระดับสูง ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบค่อนข้างต่ำ เป็นผลจากการล็อคราคาวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น มาร์จินปีนี้ของ CPF ปรับตัวดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวการลงทุนในต่างประเทศที่จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจนในปีนี้

เมื่อเวลา 15.47 น.ราคาหุ้น CPF อยู่ที่ 24.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท(+1.65%)

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          CLSA                   ซื้อ               30.00
          บล.ธนชาต               ซื้อ               30.00
          บล.เกียรตินาคิน           ซื้อ               30.00
          บล.กสิกรไทย          Outperform          29.50
          บล.บัวหลวง              ซื้อ               28.40
          บล.ทรีนีตี้                ซื้อ               27.75
          บล.พัฒนสิน               ซื้อ               27.00
          บล.เคที ซีมิโก้            ซื้อ               26.20
          บล.ฟาร์อีสท์              ถือ               26.00

CLSA แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPF โดยมองถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยยังคาดการณ์ว่าผลกำไรของ CPF ในไตรมาส 3/53 จะออกมาแข็งแกร่ง โดยมองระยะยาวตัวที่จะผลักดันให้ CPF เติบโตอย่างมีศักยภาพ มาจาก CP Fresh Mart, การลงทุนใหม่ในต่างประเทศ และการขยายตัวของมาร์จินที่สูงขึ้นในธุรกิจอาหาร

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น CPF ยังมี upside สูงจึงได้แนะนำ"ซื้อ"แต่ขณะนี้ราคาหุ้น CPF ได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง เนื่องจาก CPF เป็นหุ้น Defensive Stock เป็นหุ้นหลักในกลุ่มอาหาร และธุรกิจอาหารเวลานี้ยังดีอยู่ มาร์จินก็ดีขึ้น

นอกจากนี้ CPF ยังให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลที่สูงด้วย โดยครึ่งแรกปีนี้(H1/53)จ่ายปันผลไปแล้ว 0.50 บาท/หุ้น คาดว่าในครึ่งหลังปีนี้(H2/53)CPF ก็น่าจะมีการจ่ายเงินปันผลได้อีก อีกทั้ง CPF ยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(FX)เนื่องจาก CPF มีทั้งการนำเข้าและการส่งออก

อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/53 ของ CPF มองว่าอาจจะไม่โตเท่าไร เมื่อเทียบ YoY เนื่องจากไตรมาส 3/52 มีฐานสูง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 14,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 10,190 ล้านบาท

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้แนะนำ"ถือ"หุ้น CPF เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นตอบรับแนวโน้มผลประกอบการเป็นบวกไปมากแล้ว และในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียงไตรมาส 2/53 โดยคาดว่าจะมีกำไร 4,000 ล้านบาทรับผลจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นมาอยู่ในระดับสูง และธุรกิจสัตว์น้ำก็ดีด้วย เพราะเป็นฤดูการส่งออกสัตว์น้ำไปยังต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ไตรมาส 4/53 ผลประกอบการของ CPF อาจจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาลที่ซบเซาและมักจะเกิดขึ้นทุกปี เนื่องจากเจอผลกระทบทั้งเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้การบริโภคลดลง ยอดขายเนื้อลดลง และยังมีเทศกาลกินเจอีก แม้จะมีไม่กี่วัน แต่ก็ทำให้ลดการบริโภคเนื้อลงไปด้วย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ CPF ในปี 53 ที่ 13,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 10,190 ล้านบาท โดยปีนี้รับผลบวกจากราคาเนื้อสัตว์ทั้งในและต่างประเทศปรับตัวขึ้นและทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบก็ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นผลจากการล็อคราคาวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าไปถึงสิ้นปีนี้ จึงส่งผลให้มาร์จินของ CPF ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวการลงทุนในต่างประเทศด้วย โดยเริ่มเห็นอย่างชัดเจนในปีนี้

ขณะที่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต ระบุว่า CPF ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปยังจุดที่ไม่เป็น cyclical food company อย่างมากอีกต่อไป สรุปการพัฒนาที่สำคัญภายใต้เปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจใหม่ ฐานกำไรจะสูงขึ้นภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ CPF มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยคาดว่าบริษัทฯจะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนมากขึ้นที่ระดับ 13% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า การมีเรื่องราวการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมี market cap ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของ SET น่าจะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้น CPF ปรับตัวขึ้น แตะระดับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 30 บาท/หุ้น ได้

ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจในรอบการเติบโตใหม่ คือ ธุรกิจของ CPF มีความสัมพันธ์อย่างมากกับภาคการบริโภค ซึ่งกำลัง เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่ายอดขายในประเทศของ CPF จะเติบโตราว 8% ต่อปี, เนื่องจากความต้องการที่เติบโต และ supply chain มีลักษณะที่ consolidation มากขึ้น ราคาเนื้อสัตว์จึงน่าจะยืนอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนน้อยลง และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเหนือ 18%, มียอดส่งออกกุ้งสูงขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจต่างประเทศสูงขึ้น และมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจในรัสเซีย, ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าสูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่มาจาก CPALL เท่านั้น แต่ยังมาจากความสามารถในการทำกำไรของ CP Vietnam ที่สูงขึ้นอีกด้วย และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง เนื่องจาก CPF ใช้กระแสเงินสดส่วนเกินในการชำระหนี้คืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ