TYM ตั้งเป้าปี 53รายได้-กำไรโต 20% เพิ่มชม.ผลิต/เจรจาพันธมิตรขยายลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 16, 2010 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยง้วนเมทัล(TYM)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตเกิน 20% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22 บาท/กิโลกรัม จากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 18 บาท/กิโลกรัมเท่านั้น และจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลต่อรายได้ในครึ่งปีหลังที่เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกที่ผ่านมาด้วย

อนึ่ง ผลประกอบการ TYM ปี 52 มีกำไร 4.82 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่กำไร 41.52 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไร 102 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุน 45.98 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้นเป็น 12 ชม./วัน จากเดิมที่จะใช้กำลังการผลิตปกติที่ 8 ชม./วัน และคาดว่าจะใช้กำลังผลิตได้ถึง 16 ชม./วัน เนื่องจากบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าถึงเดือน ต.ค แล้ว ทำให้ตอนนี้ผลิตแทบจะไม่ทัน นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาอีก ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัท

เบื้องต้นในขณะนี้บริษัทจะพยายามรักษากำไรสุทธิในไตรมาส 3/53 ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/ 53 ที่มีกำไรมากกว่า 80 ล้านบาทด้วยการเพิ่มยอดขายมากขึ้น

"ปีนี้การเติบโตของรายได้และกำไรเราน่าจะดีเพราะพื้นฐานบริษัทตอนนี้ก็ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมาที่ถอยหลัง และไหนยังได้อานิสงส์จากราคาเหล็กอีกปีนี้ราคาสูงขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 20% และภาครัฐเองก็ยังมีแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อีกในช่วงไตรมาส 4/53 ยิ่งเป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตของเราไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม"กรรมการผู้จัดการ TYM กล่าว

สำหรับราคาเหล็กในปีนี้ มองว่าจะทรงตัวในระดับสูงคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 21 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ความต้องการในปีนี้ก็เพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจดีขึ้น และยังได้แรงกระตุ้นจากโครงการภาครัฐที่จะมีการลงทุนในช่วงไตรมาส 4/53 ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจดีขึ้น

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีแผนลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับเหล็ก ซึ่งเป็นลักษณะร่วมลงทุน โดยมีการเจรจากับพาร์ทเนอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศราว 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นเกิน 1 พันล้านบาทเพื่อรองรับการผลิตที่มากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตด้วย

"การที่กำลังการผลิตที่ไม่พอทำให้อยากที่จะดำเนินการเร็ว แต่การลงทุนก็จะต้องรอบคอบด้วยเหมือนกันเพราะต้องใช้เงินค่อนข้างมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องการเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาธุรกิจด้วย"นายบุญชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ