(เพิ่มเติม) SEAOIL ยันเหตุเพลิงไหม้รถบรรทุกน้ำมันบ.ย่อยไม่กระทบรายได้รวม, คาดปี 61 พลิกมีกำไร หลังขยายตลาดในธุรกิจน้ำมันเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 30, 2017 17:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซีออยล์ (SEAOIL) แจ้งว่าตามที่เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบรรทุกในโรงงานอุตสาหกรรม อมตะนคร จังหวัดชลบุรี ของบริษัท ซีออยล์ ปิโตรเคมีคอล จำกัด (SOC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น ขณะนี้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ประกาศให้ SOC หยุดประกอบกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและหามาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535

อย่างไรก็ดี บริษัทและบริษัทย่อยได้มีการทำประกันภัย สำหรับความเสียหายที่เกิดจากเหตุอัคคีภัยต่อทรัพย์สินและบุคคลที่สาม ในวงเงินประกันรวม 575 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าน่าจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยรวมของบริษัท ทั้งนี้สาเหตุของเพลิงไหม้และความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบและประเมินในรายละเอียด โดยบริษัท จะเร่งดำเนินการแก้ไขและปรับปรุง เพื่อให้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติโดยเร็ว

นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ SEAOIL เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้รถบรรทุกน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงและอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย โดยเบื้องต้นบริษัทได้ดำเนินการระงับการปฏิบัติการของโรงงานดังกล่าวเป็นเวลา 30 วันเพื่อสอบสวนและแก้ไขตรวจสอบว่าดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งนี้บริษัทมีประกันความเสียหายที่ทำไว้วงเงิน 575 ล้านบาท

ส่วนความเสียหายเบื้องต้น คือ รถบรรทุกในที่เกิดเหตุ 2 คัน และจุดรับจ่ายน้ำมัน แต่ทั้งนี้เพลิงไม่ได้ลุกลามไปยังส่วนของโรงงานผลิตและอาคารสำนักงาน จากการประเมินคาดว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ภายใน 2 เดือน โดยโรงงานแยกคอนเดนเสทเป็นโรงงานผลิตสารละลายเพื่อขายให้กับลูกค้า ขณะที่จะได้น้ำมันดีเซลเป็นผลพลอยได้ เพื่อขายภายในประเทศ โดยมีกำลังการผลิตที่ 180,000 ลิตร/วัน คาดว่าจะใช้เวลาฟื้นฟูกว่า 60 วัน ทำให้คาดว่าบริษัทฯจะขาดทุนเดือนละ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อรายได้รวมมากนัก เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนรายได้รวมเพียง 1-2% เท่านั้น

ด้านนางสาวนีรชา ปานบุญห้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SEAOIL กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลกระทบโดยรวมต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทย่อยดังกล่าวยังไม่รับรู้เป็นรายได้ทั้งหมด โดยส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างทดลองการผลิต คาดว่าในปี 61 โรงงานจะกลับมาสมบูรณ์ทุกส่วน

ทั้งนี้คาดว่า จะสามารถมีกำไรได้ในปี 61 ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมีการขยายตลาดในธุรกิจน้ำมันเพิ่ม โดยส่วนที่จะขยายออกไปสามารถรับรู้เป็นรายได้เข้ามาทดแทนกำไรส่วนที่หายไปได้ อีกทั้งธุรกิจที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ในหลาย ๆ ประเทศจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้เช่นกัน ขณะเดียวกันปริมาณการขายก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีวิธีการขายที่เปลี่ยนไปเป็นการขายให้ Agent แทนจากเดิมขายให้ End User

ขณะเดียวกันรายได้ของบริษัทจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะอยู่ราว 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาเรล โดยธุรกิจขายน้ำมันมีสัดส่วนกว่า 90% ของรายได้รวมทั้งหมด

ด้านธุรกิจพลังงานจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 2-3% ด้วยกำลังการผลิต 9-10 เมกะวัตต์ มองว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันมีการรับรู้รายได้อยู่แล้ว ซึ่งมองว่าสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจที่ศึกษาอยู่ได้ คือ โครงการพลังงานไฟฟ้าทางเลือก โดยบริษัทเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและทรัพยากรแล้วสำหรับการทำโครงการดังกล่าว แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐด้วย

ด้านธุรกิจจัดหาอาหาร ทำความสะอาด และซักรีด บนแท่นขุดเจาะ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ราว 5-7% เชื่อมั่นว่ารายได้จะมีการเติบโตได้ดีอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจในปี 61 จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายน้ำมัน มองว่าปัจจุบันบริษัทมีความเชี่ยวชาญ และมีเครือข่าย (Connection) พร้อมอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าสามารถรับรู้รายได้ในปีหน้าได้เลย โดยจะมีแหล่งเงินทุนมาจากสถาบันการเงิน และเชื่อว่ามีวงเงินเพียงพอต่อการลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ราว 2-3 เท่า และนอกจากนี้ยังมีแผนเข้าซื้อกิจการที่สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนเริ่มธุรกิจใหม่ ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ