ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ม.ค.) สัญญาข้าวสาลีปิดลดลง ซึ่งเป็นการหยุดสถิติการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ยาวนานสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2552 เนื่องจากนักลงทุนออกมาเทขายหลังจากที่ราคาแตะสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน ส่วนข้าวโพดลดลงเช่นเดียวกัน ในขณะที่ถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนมีนาคมลดลง 7 เซนต์ หรือ 1.1% แตะที่ 6.5075 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมีนาคมร่วง 10.2 เซนต์ หรือ 1.2% แตะ 8.4625 ดอลลาร์ต่อบุชเชล สวนทางกับสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนมีนาคมที่พุ่งขึ้น 14 เซนต์ หรือ 1% แตะ 13.955 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
เทรดเดอร์กล่าวว่า เป็นเรื่องค่อนข้างปกติที่ราคาข้าวสาลีจะอ่อนแรงลงหลังจากที่ปรับตัวพุ่งขึ้นประมาณ 10%
ทั้งนี้ ราคาข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.1% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุความไม่สงบในแอลจีเรีย ตูนิเซีย และ อียิปต์ ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอาหารเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนตลาดข้าวโพด นักวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดได้อ่อนแรงลงตามตลาดข้าวสาลีและตลาดพลังงานทั่วไป รวมถึงตลาดทองคำ ซึ่งกระตุ้นแรงเทขายและส่งผลให้ตลาดปรับลดลง นอกจากนี้ มุมมองที่ว่าตลาดมีแรงซื้อมากเกินไปยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดอีกด้วย
ในขณะที่ทั้งตลาดข้าวสาลีและข้าวโพดมีบรรยากาศการซื้อขายที่อ่อนแรงลง ตลาดถั่วเหลืองกลับมีการซื้อขายที่คึกคัก โดยเทรดเดอร์กล่าวว่า ยอดการส่งออกที่แข็งแกร่งและข่าวที่ว่าผลการสำรวจยอดการสกัดน้ำมันพบว่ามีปริมาณสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนธันวาคมช่วยหนุนแนวความคิดที่ว่าอุปสงค์ของถั่วเหลืองยังมีความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ยอดการส่งออกถั่วเหลืองอยู่ที่ 940,300 ตัน โดยคิดเป็น 780,900 สำหรับการส่งออกในปีการตลาดปัจจุบัน และ อีก 159,400 ตันสำหรับการส่งออกในปีการตลาดหน้า นอกจากนี้ ยอดการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองทั้งสิ้นอยู่ที่ 153.05 ล้านบุชเชล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์ราว 1 ล้านบุชเชล
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการผละงานประท้วงของคนงานท่าเรือในอาร์เจนตินาอาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองนั้น ยังเป็นแรงหนุนต่อตลาดถั่วเหลืองอีกด้วย