ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบพุ่ง $3.76 ขานรับแผนกู้วิกฤตยูโรโซน

ข่าวต่างประเทศ Friday October 28, 2011 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (อียู) ลงมติใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 3 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4.17% ปิดที่ 93.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 90.74-94.25 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 3.17 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 112.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 109.50-112.79 ดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMX พุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูมีมติให้ใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่มีความสำคัญในเชิงระบบของยูโรโซน เช่นอิตาลี โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มขนาดให้กับกองทุน EFSF เป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับลดมูลค่าพันธบัตร หรือการทำ haircut ของรัฐบาลกรีซซึ่งถือครองโดยธนาคารเอกชนลงในสัดส่วน 50% ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะลดภาระหนี้สินของรัฐบาลกรีซ

ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 3 ปี 2554 ขยายตัวขึ้นแตะ 2.5% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ที่ร่วงลง 1.6% เมื่อวานนี้ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีมูลค่าน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ