สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนส.ค.ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์ แตะที่ 84.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.50 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งในเอเชียและสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งอาจจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 13 เดือน และสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดที่ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ลดลง 27,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 11,500,500 คน ขณะที่อัตราว่างงานของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 5.2% ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน WTI ยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์ต่อน้ำมันโลกลง 0.1% สำหรับปี 2555 และ 0.6% สำหรับปี 2556 และคาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.9% ในปี 2555 และ 2556 พร้อมกับคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ปรับลดลง 7 ดอลลาร์ จากคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับผลกระทบจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันกลั่นในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ค.เพิ่มขึ้น 3.11 ล้านบาร์เรล แตะที่ 120.91 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 2.75 ล้านบาร์เรล แตะที่ 207.73 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล