สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) จากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและนักลงทุนต่างหาแหล่งลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงในยามที่ภาวะเศรษฐกิจเผชิญความปั่นป่วนในขณะนี้
สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 37 ดอลลาร์ ปิดที่ 895.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 873.0-902.0 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 11.94 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 57.5 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงปิดที่ 1.472 ดอลลาร์/ปอนด์ ขยับขึ้น 7.6 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 958.00ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 23.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 197.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 12.30 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำที่พุ่งสูงขึ้นนี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจจะดำเนินต่อไปเป็นเวลานานทำให้พวกเขาต้องแสวงหาแหล่งลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง ซึ่งเราอาจได้เห็นการโยกเม็ดเงินลงทุนจากตลาดปริวรรตเงินตรามาเป็นตลาดทองคำ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเผชิญความอ่อนแออย่างหนัก โดยเฉพาะ สหรัฐ ญี่ปุ่น และเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปต่างเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มขั้นแล้ว ดังจะเห็นได้จากภาคเอกชนของสหรัฐที่ต่างรายงานผลกำไรที่เลวร้ายออกมากันถ้วนหน้า
โดยเจนเนอรัล อิเล็กทริค โค หนึ่งในบริษัทรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเปิดเผยว่าผลกำไรลดลง 46% และคาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่แสนสาหัสของบริษัท ซึ่งความเลวร้ายทางเศรษฐกิจกำลังส่งผลกระทบไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ที่เพิ่งรายงานตัวเลขขาดทุนครั้งแรกกว่า 2.22 หมื่นล้านวอน (16 ล้านดอลลาร์) ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
ขณะที่เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 1.5% นับเป็นสถิติที่หดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ และยังเป็นตัวเลขที่หดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 เนื่องจากวิกฤตการเงินส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการธนาคารและยังฉุดให้เศรษฐกิจของอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอย