นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า วิกฤตการณ์สินเชื่อจะส่งผลให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและแก๊สประสบความยากลำบากในการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในโครงการขุดเจาะน้ำมัน รวมถึงบริษัท นาบอร์ส อินดัสทรีส์ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานและหนุนราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
จั๊ด ไบลีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Jefferies & Co กล่าวว่า "บริษัทพลังงานหลายแห่งเป็นกลุ่มสายป่านสั้นและยังต้องเผชิญกับภาวะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก รวมถึงบริษัทเชสพีค เอนเนอร์จี, นาบอร์ส และโรแวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท หลังจากเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อตึงตัว สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทพลังงานต้องลดต้นทุนการใช้จ่ายและการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันและแก๊สพุ่งสูงขึ้น"
"พูดตรงๆก็คือบริษัทเหล่านี้ไม่มีเครดิต และยังต้องเผชิญกับปัญหาดีมานด์พลังงานหดตัวและราคาตกต่ำ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ทำให้พวกเขาต้องลดต้นทุนและลดการจ้างงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางรายถึงกับต้องปิดกิจการและขายทรัพย์สิน จากสถิติพบว่าการขุดเจาะน้ำมันทั่วโลกทรุดตัวลง 35% หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 23 ปีเมื่อเดือนก.ย." ไบลีย์กล่าว
ด้านนายเดนนิส สมิธ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาองค์กรของนาบอร์สกล่าวว่า "ภาวะสินเชื่อตึงตัวอาจคุกคามอุตสาหกรรมพลังงานต่อไปอีก โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีเครดิตและเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก ในขณะที่บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ก็ยังเข้าถึงเงินกู้ได้ยากเพราะสถาบันการเงินใช้นโยบายคุมเข้มด้านการปล่อยกู้นับตั้งแต่เกิดปัญหาในตลาดซับไพรม์" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน