ริชาร์ด ซี กัง ซีอีโอบริษัท Emerging Global Advisors LLC ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ในนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากการซื้อเก็งกำไรในช่วงที่ตลาดทองคำเฟื่องฟูสุดขีด
"นักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แห่ลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ โลหะ พลังงาน ไปจนถึงพืชผลทางการเกษตร ผมคาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะเพิ่มการลงทุนด้านสินค้าโภคภัณฑ์ในพอร์ทอีก 5-10%" นายกังกล่าว
นายกังยังกล่าวด้วยว่า "ก่อนหน้านี้ตลาดทองคำและตลาดน้ำมันเคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน แต่ปัจจุบัน ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางจิตวิทยา ดังนั้นภายใน 6 เดือนข้างหน้าเราจะเป็นราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,250-1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ และหากทองคำผ่านกรอบราคาในช่วงดังกล่าวไปได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะพุ่งแต่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์"
"ผมคาดว่ากองทุนบำเน็จบำนาญ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งตลาดประเภทนี้มีทั้งความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่สูงมาก โดยที่ผ่านมานักลงทุนมองว่าตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นให้อัตราผลตอบแทนที่จำกัด แต่สินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำ ถูกมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ" นายกังกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX พุ่งขึ้นอีก 2.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,087.30 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ เพราะได้ปัจจัยบวกข่าวธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง