ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (12 พ.ค.) ตามทิศทางตลาดทั่วโลก หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงในการลดภาษีนำเข้า ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของสงครามการค้าเต็มรูปแบบที่อาจกระทบต่อตลาดทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,604.98 จุด เพิ่มขึ้น 50.18 จุด หรือ +0.59%
สหรัฐฯ และจีนซึ่งเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกประกาศว่า สหรัฐฯ จะลดภาษีเพิ่มเติมที่เก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนตั้งแต่เดือนเม.ย.จาก 145% เหลือ 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% โดยมาตรการใหม่นี้จะมีผลเป็นเวลา 90 วัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 4.9% ตามราคาสินค้าโลหะฐานที่เพิ่มขึ้น
หุ้นเกล็นคอร์ (Glencore) และหุ้นแองโกล อเมริกัน (Anglo American) พุ่งขึ้น 6.1% และ 5.5% ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นของบริษัทเหมืองแร่เฟอร์เร็กซ์โป (Ferrexpo) ซึ่งมีฐานอยู่ในยูเครน พุ่งขึ้น 8.2% หลังจากประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนแสดงความพร้อมที่จะพบปะหารือกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่ตุรกีในวันพฤหัสบดีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงาน ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นราว 4% โดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มนี้อย่างเชลล์ (Shell) และบีพี (BP) ปรับตัวขึ้น 1.4% และ 2.2% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูอย่าง เบอร์เบอรี กรุ๊ป (Burberry Group) และวอทช์ส ออฟ สวิตเซอร์แลนด์ กรุ๊ป (Watches of Switzerland Group) พุ่งขึ้น 3.7% และ 4.9% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูในยุโรป
ในทางตรงข้าม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าร่วงลง 5.5% หลังราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ร่วงลงมากกว่า 2%