ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (21 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่สูงเกินคาด และการเปิดเผยผลประกอบการที่แตกต่างกันของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,786.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.06%
อังกฤษเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงเกินคาดในเดือนเม.ย. ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อน่าจะตัดโอกาสในการลดดอกเบี้ยของอังกฤษออกไปอีกหลายเดือน และน่าจะทำให้ธนาคารกลางอังกฤษยังคงดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
โอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมลดลงเหลือ 40% จากเดิม 60% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่สิ้นปี 2565 ในรอบ 12 เดือนนับถึงเดือนมีนาคม
หุ้นเจดี สปอร์ตส์ (JD Sports) ร่วงลงแรงที่สุดถึง 10.6% หลังเตือนว่าภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจบีบให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในตลาดหลัก
หุ้นเอสเอสอี (SSE) ร่วง 2.4% หลังบริษัทผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายนี้ประกาศลดแผนการลงทุนในระยะเวลา 5 ปีลง 15%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าพุ่งขึ้น 3% ช่วยพยุงตลาด เนื่องจากราคาทองคำปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยหุ้นเฟรสนิลโล (Fresnillo) พุ่งขึ้น 4.2%
ดัชนีหุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 1% ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยแผนการสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธโกลเดนโดม (Golden Dome)
หุ้นเซเวิร์น เทรนต์ (Severn Trent) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการน้ำประปา พุ่งขึ้น 2.3% หลังบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงแล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าระหว่างปี 2568-2571