ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (17 มิ.ย.) จากแรงเทขายในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล รวมถึงการรอคอยผลการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,834.03 จุด ลดลง 41.19 จุด หรือ -0.46%
ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเข้าสู่วันที่ 5 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แสดงท่าทีว่าอาจส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเจรจากับอิหร่าน และยังได้เดินทางออกจากการประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ที่จัดขึ้นในแคนาดาก่อนกำหนด หลังจากลงนามข้อตกลงทางการค้ากับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ได้รับแรงกดดันอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างเอชเอสบีซี (HSBC), สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) และบาร์เคลย์ส (Barclays) ต่างร่วงลงมากกว่า 1%
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและนันทนาการก็เผชิญแรงขายเช่นกัน โดยสายการบินวิซแอร์ (Wizz Air) ดิ่งลง 7.5% ขณะที่อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส กรุ๊ป (IAG) เจ้าของสายการบินบริติชแอร์เวย์ร่วง 4.4%
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.5% จากแรงหนุนของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพราะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยหุ้นบีพี (BP) และหุ้นเชลล์ (Shell) ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% และเป็นหุ้นที่ทำผลงานดีที่สุดในตลาด
สำหรับความสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้ยังอยู่ที่การประชุมของธนาคารกลาง โดย BoE จะประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ และเฟดจะประกาศผลการประชุมในวันพุธนี้ ซึ่งตลาดคาดว่า ธนาคารทั้งสองแห่งจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง