ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
ณ เวลา 20.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 104 จุด หรือ 0.24% สู่ระดับ 43,410 จุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความพึงพอใจต่อสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐมีแผนที่จะเจรจากับอิหร่านในสัปดาห์หน้า และทั้งสองประเทศอาจมีการลงนามในข้อตกลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.5% ในไตรมาสดังกล่าว ย่ำแย่กว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าหดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3%
เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในไตรมาส 1/2568 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งตัวเลขนำเข้าที่พุ่งขึ้น 37.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563 จากการที่บริษัทต่าง ๆ พากันเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2, 3.1% ในไตรมาส 3 และ 2.4% ในไตรมาส 4
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 1/2568 หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในไตรมาส 4/2567
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 236,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 750 ราย สู่ระดับ 245,000 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 1.97 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564