ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันจันทร์ (21 ก.ค.) หลังจากที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ที่ออกมาคละเคล้ากัน และจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 546.58 จุด ลดลง 0.42 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,798.22 จุด ลดลง 24.45 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,307.80 จุด เพิ่มขึ้น 18.29 จุด หรือ +0.08% และ
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ เช่น Roche และ Novonordisk ร่วงลง กดดันให้ดัชนีปรับตัวลง แม้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นก็ตาม
บรรดานักลงทุนเตรียมรับมือกับสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทในยุโรปและสหรัฐฯ โดยจะจับตารายงานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการค้าต่อกำไรและอุปสงค์ผู้บริโภค
บริษัท Stellantis เปิดเผยคาดการณ์ว่า จะขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านยูโร (2.68 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจากต้องเผชิญความท้าทายทั้งการปรับปรุงสายผลิตภัณฑ์ และผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ผันผวนตลอดทั้งวันก่อนปิดบวกขึ้นราว 1.5%
หุ้น Ryanair พุ่งขึ้น 5.7% หลังสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ที่สุดของยุโรปเปิดเผยว่ากำไรไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ขณะที่หุ้นสายการบินอื่น ๆ เช่น Lufthansa และ EasyJet ต่างปรับขึ้นราว 1%
ด้านการเจรจาการค้า สหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณามาตรการต่อต้านการบีบบังคับ ที่อาจมุ่งเป้าไปยังภาคบริการของสหรัฐฯ หรือจำกัดการเข้าร่วมประมูลจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ หากการเจรจาไม่บรรลุข้อตกลง ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป 30% หากไม่มีการลงนามข้อตกลงภายในเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.
นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า ประเด็นสำคัญคือ EU จะยอมรับผลลัพธ์ที่ไม่สมดุลซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ หรือไม่ และทรัมป์จะยอมรับมาตรการตอบโต้ของยุโรปโดยไม่ปรับขึ้นภาษีเพิ่มหรือไม่ โดยเขาชี้ว่าความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงยังคงมีจำกัด และความเสี่ยงที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงยังอยู่ในระดับสูง
แม้ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวจากการร่วงลงอย่างหนักเมื่อเดือนเม.ย. หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีต่อหลายประเทศ แต่ความไม่แน่นอนด้านการค้าและผลกระทบต่อบริษัทต่าง ๆ ยังคงทำให้นักลงทุนระมัดระวัง ซึ่งนักลงทุนบางส่วนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
สำหรับหุ้นรายตัว หุ้น Delivery Hero พุ่งขึ้นกว่า 16% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากมีรายงานว่า Prosus เสนอขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทเยอรมันแห่งนี้บางส่วนและสละที่นั่งในคณะกรรมการบริหาร เพื่อคลายความกังวลของ EU เกี่ยวกับดีลมูลค่า 4.1 พันล้านยูโร (4.78 พันล้านดอลลาร์) กับ Just Eat Takeaway
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เช่น Glencore, Anglo American และ Antofagasta ปรับตัวขึ้น 3%-5% ตามราคาหุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น หลังจีนให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและมีความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ตลาดยังจับตาการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย