ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าสหรัฐมีโอกาสบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรป (EU)
ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,821.38 จุด บวก 127.47 จุด หรือ 0.29%
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า มีโอกาส 50-50 หรืออาจน้อยกว่านั้น ที่สหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับ EU
"ผมคิดว่าเรามีโอกาส 50-50 หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ที่จะสามารถทำข้อตกลงกับ EU โดยเรากำลังทำงานอย่างจริงจังกับยุโรป ขณะที่ EU มีความต้องการอย่างมากที่จะบรรลุข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางไปยังสกอตแลนด์
อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับแนวโน้มของการบรรลุข้อตกลง ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดตอนนี้ ผมคิดว่า EU มีโอกาสดีพอสมควรที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงในตอนนี้"
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) แถลงวานนี้ว่า การเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐยังคงมีแนวโน้มประสบผลสำเร็จ แม้ว่าสมาชิกรัฐสภา EU ลงมติอนุมัติมาตรการภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐมูลค่า 93,000 ล้านยูโร (109,000 ล้านดอลลาร์) ในกรณีที่การเจรจาล้มเหลวก็ตาม
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและ EU กำลังใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปในอัตรา 15% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขู่เรียกเก็บในอัตรา 30%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกลุ่ม Magnificent Seven รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เดินทางเข้าพบนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่สำนักงานใหญ่ของเฟดเมื่อวานนี้เพื่อกดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.