ตลาดหุ้นลอนดอนปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพุธ (30 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแบบผสมผสาน และรอติดตามความคืบหน้าทางการค้าก่อนถึงเส้นตายการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,136.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด หรือ +0.01%
กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนในอังกฤษนำการปรับลง โดยลดลง 3.8% หลัง Aston Martin ออกคำเตือนเรื่องกำไรเนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความต้องการในจีนที่อ่อนแอ โดยหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์หรูรายนี้ร่วงลง 9.7%
กลุ่มธนาคารลดลง 2% หลัง HSBC Holdings รายงานกำไรไตรมาสล่าสุดลดลงมากกว่าคาด และหุ้นของธนาคารรายนี้ร่วงลง 4.5%
กลุ่มยาและเทคโนโลยีชีวภาพปรับขึ้น 2.9% นำโดยหุ้น GSK ที่พุ่งขึ้น 4.7% หลังเผยผลประกอบการไตรมาสสองออกมาดีกว่าคาด และบริษัทคาดว่ารายได้และกำไรทั้งปีจะอยู่ที่ระดับบนสุดของกรอบที่คาดการณ์ไว้
หุ้น Taylor Wimpey เป็นหุ้นที่ปรับลงมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 โดยร่วง 6.3% หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้ปรับลดคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานประจำปี
หุ้น Rio Tinto ร่วง 1.3% หลังผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกรายงานกำไรพื้นฐานครึ่งปีแรกต่ำสุดในรอบ 5 ปี
หุ้น Glencore เพิ่มขึ้น 1.9% หลังบริษัทระบุว่าตั้งเป้าลดต้นทุนลง 1 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2569 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนสินทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรม
หุ้น JD Sports ร่วง 3.5% หลังพันธมิตรอย่าง Adidas รายงานยอดขายไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาด
หุ้น BAE Systems ร่วงเกือบ 2% แม้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรประจำปี
ปัจจัยจากฝั่งสหรัฐฯ นั้น ข้อมูลบ่งชี้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ฟื้นตัวมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
ในสัปดาห์หน้า ตลาดจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว