ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปฟื้นตัวปิดบวก กลุ่มธนาคารหนุนตลาด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 5, 2025 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (4 ส.ค.) โดยดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นช่วยชดเชยแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นสวิสที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อัตราสูงถึง 39%

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 540.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด หรือ +0.90%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,632.01 จุด เพิ่มขึ้น 85.85 จุด หรือ +1.14%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,757.69 จุด เพิ่มขึ้น 331.72 จุด หรือ +1.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,128.30 จุด เพิ่มขึ้น 59.72 จุด หรือ +0.66%

ตลาดหุ้นหลัก ๆ ในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวจากการร่วงหนักเมื่อวันศุกร์ ยกเว้นตลาดหุ้นสวิส ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าและรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ

ตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ได้รับผลกระทบ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง และองค์กรอุตสาหกรรมเตือนว่ามีความเสี่ยงที่ตำแหน่งงานหลายหมื่นตำแหน่งอาจได้รับผลกระทบ

ราคาหุ้นของผู้ผลิตนาฬิกาหรูของสวิสอย่าง Richemont และ Swatch ลดลง 1.3% และ 2.3% ตามลำดับ

รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าพร้อมจะยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยภาษีนำเข้าดังกล่าวมีกำหนดมีผลในวันพฤหัสบดีนี้ (7 ส.ค.) ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสำคัญสำหรับยา นาฬิกา เครื่องจักร และช็อกโกแลต มีเวลาเพียงเล็กน้อยในการบรรลุข้อตกลงที่ดีกว่า

ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มห่างออกจากจุดสูงสุดของปีนี้มากขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้าสำคัญก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจกลับมาและการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มธนาคารช่วยหนุนตลาด โดยเฉพาะธนาคารอังกฤษซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นหลังศาลฎีกาของอังกฤษมีคำตัดสินกลับคำพิพากษาในคดีค่าคอมมิชชันจากการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ ช่วยลดความกังวลเรื่องการชดเชยที่นักวิเคราะห์บางรายเคยเตือนว่าอาจมีมูลค่าหลายหมื่นล้านปอนด์

หุ้น Lloyds พุ่งขึ้น 9% ขณะที่หุ้น Close Brothers พุ่ง 24% และหุ้น Barclays, Bank of Ireland และ Santander ต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 2%

แต่หุ้น UBS ลดลง 0.7% หลังจากธนาคารประกาศว่าจะจ่ายเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีหลักทรัพย์จำนองในสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการขายผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งเกิดความผิดพลาดขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ