ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (5 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ออกมาแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด ก่อนการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดกันว่า BoE จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 9,142.73 จุด เพิ่มขึ้น 14.43 จุด หรือ +0.16%
ตลาดหุ้นอังกฤษลดช่วงบวกในระหว่างวันลง เนื่องจากข้อมูลจากสหรัฐฯ ที่ชี้ว่าภาคบริการทรงตัวในเดือนก.ค. สะท้อนความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ผลสำรวจภาคธุรกิจในอังกฤษในวันอังคารพบว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในเดือนก.ค. ร่วงลงแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และมีการลดจำนวนพนักงานในอัตราเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ BoE ที่กำลังจะพิจารณานโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BoE จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 4% ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ในรอบนี้ อย่างไรก็ตาม กรรมการบางคนอาจลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Diageo ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 4.9% หลังคาดว่ายอดขายในปี 2569 จะทรงตัวแม้เผชิญภาษีนำเข้าสหรัฐฯ พร้อมทั้งประกาศเป้าหมายการลดต้นทุนครั้งใหม่
หุ้นกลุ่มอุปกรณ์และบริการทางการแพทย์พุ่งขึ้น 11.3% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย. 2564 หลัง Smith+Nephew รายงานกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น และประกาศแผนซื้อหุ้นคืนวงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ โดยหุ้น Smith+Nephew พุ่งขึ้นถึง 15.3% และเป็นหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100
หุ้น BP พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษระบุว่า จะทบทวนสินทรัพย์และต้นทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยมีกำไรไตรมาส 2 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้น Fresnillo พุ่งขึ้นเกือบ 6% หลังบริษัทเหมืองแร่รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกที่เป็นบวก หนุนให้กลุ่มเหมืองโลหะมีค่าเพิ่มขึ้น 2.4% ตามราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น
หุ้น Travis Perkins ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างในอังกฤษ พุ่งขึ้น 5.6% หลังบริษัทคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายตลาด รวมถึงกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์
ในทางกลับกัน หุ้น Domino's Pizza Group ดิ่งลงถึง 17.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์กำไรหลักตลอดทั้งปี