ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (6 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และรอการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (7 ส.ค.)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 9,164.31 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด หรือ +0.24%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มพลังงานบวกนำตลาด โดยดัชนีกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 1.8% ตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีเพิ่มเติมกับอินเดียจากการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
หุ้น Shell และ BP ต่างช่วยหนุนดัชนีหลัก โดยเพิ่มขึ้น 1.3% และ 3.1% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มประกันพุ่ง 2.7% หลังจาก Hiscox รายงานว่าเบี้ยประกันรวมสุทธิครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 6.2% ทำให้หุ้นของบริษัททะยานขึ้นถึง 9.4% และเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100
หุ้นเหมืองแร่ Fresnillo พุ่งขึ้นอีก 8.9% แต่หุ้น Glencore ร่วงลง 5.4% หลังรายงานกำไรหลักครึ่งปีแรกหดตัว
ในทางตรงข้าม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ของอังกฤษร่วงลง 1.4% หลังทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษียาในอัตราเริ่มต้นที่ระดับต่ำ แต่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 250%
หุ้น AstraZeneca และ GSK ลดลง 1.5% และ 1.7% ตามลำดับ
หุ้น Coca-Cola Europacific Partners และ Coca-Cola HBC ซึ่งเป็นหน่วยบรรจุภัณฑ์ของ Coca-Cola ร่วงลง 9.2% และ 6.9% ตามลำดับ หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
บรรดานักลงทุนกำลังจับตาการประชุม BoE ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 4.25% เหลือ 4% และมีแนวโน้มจะลดอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. ยังอยู่ใกล้ระดับสองเท่าของเป้าหมายที่ 2%
นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า การตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นเอกฉันท์ และคำชี้แจงประกอบจะบ่งชี้ชัดถึงมุมมองของธนาคารกลางต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะต่อไป