ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น 0.4% ซึ่งช่วยหนุนตลาดในภาพรวม ขณะที่หุ้นบริษัทอุตสาหการบินและกลาโหมปรับตัวขึ้น 1.6% และหุ้นกลุ่มพลังงานบวก 0.4% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากอุปสงค์แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความพยายามยุติสงครามยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันทั้งวันอังคารและพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการโยกย้ายเงินลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อต้นสัปดาห์
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเหมืองโลหะมีค่าปรับตัวขึ้น 0.8% และ 1.9% ตามลำดับ ซึ่งช่วยหนุนดัชนีฟื้นตัวขึ้น
บรรยากาศเชิงบวกยังได้แรงหนุนจากดัชนี PMI เดือนส.ค. ที่บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจอังกฤษแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคบริการซึ่งเป็นภาคส่วนหลัก ขณะเดียวกัน การกู้ยืมของภาครัฐอังกฤษตั้งแต่ต้นปีงบประมาณยังเป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งสนับสนุนแผนการใช้จ่ายและการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล
ตลาดทั่วโลกกำลังจับตาการประชุมแจ็กสันโฮลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยนักลงทุนรอฟังสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
สำหรับหุ้นรายตัว หุ้น WH Smith ผู้ค้าปลีกด้านการท่องเที่ยว ดิ่งลง 42.3% และร่วงแรงที่สุดในวันเดียวเป็นประวัติการณ์ หลังจากปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปี หุ้นอื่น ๆ เช่น InterContinental Hotels Group, Schroders, Entain และ Mondi ร่วงลงมากกว่า 1% เนื่องจากขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบไม่มีสิทธิรับเงินปันผล