ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ 9,216.87 จุด เพิ่มขึ้น 38.88 จุด หรือ +0.42%
หุ้นค้าปลีกได้แรงหนุนจากหุ้น Currys ที่พุ่งขึ้น 15.6% หลังผู้ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายนี้เปิดเผยว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 3% ในช่วงฤดูร้อน (17 สัปดาห์สิ้นสุดปลายเดือนส.ค.) อีกทั้งยังประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 50 ล้านปอนด์ (68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้นค้าปลีกรายใหญ่อื่น ๆ เช่น JD Sports Fashion, Frasers และ Next ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นขยับขึ้น โดยหุ้น Tesco เพิ่มขึ้น 1.8%
หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น 1.2% โดยหุ้น NatWest เพิ่มขึ้น 1.5%, Barclays พุ่ง 2.2% และ Lloyds บวก 2.1% ขณะที่มีรายงานว่า พนักงานราว 3,000 คนหรือราว 5% ของ Lloyds ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ถูกประเมินผลงานต่ำสุดนั้น อาจถูกพิจารณาปลดออกจากงาน
หุ้นกลุ่มสื่อสารก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดย Airtel Africa และ Auto Trader เพิ่มขึ้นราว 2.3% ส่วน Rightmove พุ่งขึ้น 2.9%
ในทางตรงกันข้าม หุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวลงตามราคาทองคำที่อ่อนตัว โดยหุ้น Endeavour Mining ลดลง 1.7% และหุ้น Hochschild Mining ร่วง 3.5% ขณะที่หุ้นเหมืองแร่อุตสาหกรรมก็ปรับลงเช่นกัน โดยหุ้น Anglo American ลดลง 1.2%
หุ้น Jet2 ดิ่งลง 12.5% หลังคาดการณ์กำไรลดลง ส่วนหุ้น EasyJet ร่วง 4.2%
ตลาดพันธบัตรกลับมามีเสถียรภาพหลังเผชิญความผันผวนเมื่อต้นสัปดาห์จากความกังวลด้านการคลังของอังกฤษและความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมงบประมาณที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2541
นักลงทุนยังคงเก็งว่ารัฐบาลอังกฤษอาจขึ้นภาษีซึ่งจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีกำหนดแถลงงบประมาณในวันที่ 26 พ.ย.
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กิจกรรมในภาคการก่อสร้างของอังกฤษชะลอตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นภาวะซบเซาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 และผลสำรวจของธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ภาคธุรกิจคาดการณ์เงินเฟ้อในปีหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
บรรดานักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของอังกฤษที่จะประกาศในวันศุกร์นี้