ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันอังคาร (21 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Melrose และหุ้น HSBC ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าร่วงลงและจำกัดการปรับขึ้นของตลาดโดยรวม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,426.99 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด หรือ +0.25%
หุ้น HSBC พุ่งขึ้น 1.8% หลังธนาคารแต่งตั้ง เดวิด ลินด์เบิร์ก อดีตผู้บริหารของ NatWest ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการธนาคาร ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจในสหราชอาณาจักร การปรับตัวขึ้นของหุ้นดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.2%
หุ้น Melrose Industries เจ้าของกิจการ GKN Aerospace พุ่งขึ้น 5.3% หลัง GE Aerospace ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรทั้งปีเป็นครั้งที่สองในรอบ 4 เดือน
แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าร่วงลง 11.1% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 10 เดือน หลังราคาทองคำและโลหะเงินร่วงลง 5% และ 7% ตามลำดับ จากที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับขึ้นอย่างร้อนแรงในปีนี้
หุ้น Fresnillo ร่วงลง 14% ขณะที่หุ้น Endeavour Mining ร่วง 9.8% ซึ่งหุ้นของทั้งสองบริษัทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี และเป็นหุ้นที่ร่วงแรงที่สุดในดัชนี FTSE 100
ข้อมูลเศรษฐกิจระบุว่า การกู้ยืมของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในช่วงเดือนเม.ย.ถึงก.ย. อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ไม่รวมช่วงการระบาดของโรคโควิด-19) ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนการประกาศงบประมาณเดือนหน้า
ข้อมูลดังกล่าวออกมาก่อนรายงานเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในวันพุธนี้ (22 ต.ค.) ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. จะอยู่ที่ 4% สูงสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเป็นสองเท่าของเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ
แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษและคณะกรรมการระบุว่า แนวโน้มเงินเฟ้อยังไม่ชัดเจน ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ว่าเมื่อใดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ในบรรดาหุ้นรายตัว หุ้น Serica Energy พุ่งขึ้น 4.3% หลังบริษัทพลังงานรายนี้กลับมาเดินเครื่องผลิตที่เรือบรรทุก Triton อีกครั้ง หลังหยุดดำเนินการชั่วคราว
หุ้น Segro รายงานการเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 2.9%