ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกกว่า 200 จุดเช้านี้ รับความหวังเฟดหั่นดอกเบี้ย-เจรจาการค้าคืบหน้า

ข่าวต่างประเทศ Monday October 27, 2025 06:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (27 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด

ณ เวลา 06.48 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ปรับตัวขึ้น 286 จุด หรือ +0.60% แตะที่ระดับ 47,682 จุด

นักลงทุนขานรับสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนหลายประเทศในเอเชีย โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับคณะผู้แทนจีนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) ว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุฉันทามติเบื้องต้นในหัวข้อต่าง ๆ รวมถึงการควบคุมการส่งออก สารเฟนทานิล และภาษีการขนส่ง

เบสเซนต์ยังระบุว่า การเจรจากับเจ้าหน้าที่จีนเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และครอบคลุมทุกมิติ และเสริมว่า การขยายระยะเวลาพักรบทางการค้าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับปธน.ทรัมป์

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 2.9% ในเดือนส.ค.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.1% ในเดือนส.ค.

หลังจากเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. และให้น้ำหนัก 98.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.

นักลงทุนจับตาการพบปะกันระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมนอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ในวันที่ 30 ต.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ