ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับคาดการณ์การบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 28-29 ต.ค.
ณ เวลา 20.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 222.87 จุด หรือ 0.47% สู่ระดับ 47,429.99 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 0.90% และ 1.47% ตามลำดับ
หุ้นของบริษัทเหมืองแร่หายากที่จดทะเบียนในสหรัฐต่างปรับตัวลงสวนทางตลาดในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า จีนจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ที่สหรัฐและจีนกำลังเจรจา
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในรายการ Meet The Press ของสำนักข่าว NBC News วานนี้ว่า สหรัฐมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 100% ขณะที่จีนจะยอมเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายาก
นายเบสเซนต์กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าว ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพฤหัสบดีนี้ นอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้
ปธน.ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า สหรัฐและจีนกำลังจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการค้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พร้อมทั้งระบุว่า ทำเนียบขาวจะออกมาตรการควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญทั้งหมด เพื่อตอบโต้ต่อการที่จีนประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก
นายโทบิน มาร์คัส นักวิเคราะห์จาก Wolfe Research ระบุในรายงานว่า คาดว่าการพบกันระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง จะทำให้จีนเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายากออกไปอีกหนึ่งปี จากเดิมที่กำหนดให้มีการออกใบอนุญาตส่งออกเป็นกรณี ๆ ไป
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จะช่วยแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับบริษัทติ๊กต๊อก (TikTok) รวมทั้งจะทำให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของกลุ่ม Magnificent 7 โดยบริษัท Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft จะเปิดเผยตัวเลขกำไร,รายได้ประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้
ตลาดยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ที่ 31 ต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)