ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) หลังเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงก่อนการแถลงงบประมาณของรัฐบาล ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลประกอบการจำนวนมากของบริษัทต่าง ๆ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,735.78 จุด ลดลง 41.30 จุด หรือ -0.42%
แม้ BoE คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามคาด แต่ผลการลงคะแนนที่มีความเห็นแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย และสัญญาณจากผู้ว่าการธนาคาร แอนดรูว์ เบลีย์ ที่อาจเข้าร่วมฝ่ายที่สนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้นักลงทุนคาดว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากการประกาศงบประมาณปลายเดือนนี้
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของ BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.00% ในการประชุมวานนี้ สวนทางตลาดการเงินที่คาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งกล่าวว่า BoE จะอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นหลังการประกาศงบประมาณ โดยจะมีข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อเพิ่มเติมเพื่อตัดสินใจว่าจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในเดือนธ.ค. หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์ฟื้นตัวหลังแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน โดยปรับขึ้น 0.45% หลังการตัดสินใจคงดอกเบี้ยของ BoE
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นตัวถ่วงตลาด โดยร่วงลง 1.8% ขณะที่กลุ่มอากาศยานและกลาโหมร่วงลง 2.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานและก๊าซปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้น BP ลดลง 0.5% และหุ้น Shell ลดลง 0.4%
ส่วนหุ้น AstraZeneca ปรับตัวขึ้น 3% หนุนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 สูงกว่าคาดจากยอดขายที่แข็งแกร่งสำหรับยารักษาโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
หุ้น Smith & Nephew ร่วงลง 10.8% หลังรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาด เนื่องจากยอดขายในธุรกิจข้อเข่าเทียมในสหรัฐฯ อ่อนแอ
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 0.8% โดยหุ้น Standard Chartered และหุ้น Barclays เพิ่มขึ้น 1.5% และ 1% ตามลำดับ หลัง Financial Times รายงานว่า ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษ เตรียมจะละเว้นการเก็บภาษีเพิ่มเติมจากธนาคารขนาดใหญ่
ในบรรดาหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นนั้น หุ้น Sainsbury ผู้ค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ พุ่งขึ้น 5.5% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรทั้งปี ขณะที่หุ้น Diageo ร่วงลง 6.5% หลังปรับลดประมาณการยอดขายและกำไรสำหรับปี 2569