ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณหนุนเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 133.66 จุด หรือ 0.29% สู่ระดับ 45,885.92 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ดิ่งลงเกือบ 400 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากพุ่งขึ้นในช่วงแรกขานรับผลประกอบการของบริษัท Nvidia
นักวิเคราะห์มองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวานนี้ ไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ทิศทางขาลงของตลาด แต่เป็นเพียงการพักฐานตามปกติ หลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปีนี้
นักลงทุนพากันเทน้ำหนักมากกว่า 70% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 39.1% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 26.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 60.9% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์
ทั้งนี้ นายวิลเลียมส์กล่าวในวันนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันได้ เนื่องจากความอ่อนแอของตลาดแรงงานถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าปัญหาเงินเฟ้อ
'ผมมองว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับที่เข้มงวดเล็กน้อย แม้จะน้อยกว่าก่อนที่เราจะดำเนินการล่าสุด ดังนั้น ผมมองว่าเฟดยังคงมีช่องว่างสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้เข้าสู่เป้าหมาย โดยนำจุดยืนด้านนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายทั้งสองประการของเรา' นายวิลเลียมส์กล่าว โดยเป้าหมายทั้งสองประการของเฟดคือ การรักษาเสถียรภาพด้านราคา และการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53,000 ตำแหน่ง หลังการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวที่ระดับ 4.3%