ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 200 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนธันวาคม
ณ เวลา 21.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 213 จุด หรือ 0.45% สู่ระดับ 47,530 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างปรับตัวลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด โดยหุ้น Nvidia และ AMD ร่วงลงราว 1% ส่วน Broadcom และ Oracle ปรับตัวลง 0.7% และ 1% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บิตคอยน์ทรุดตัวลงกว่า 5% ใกล้หลุดระดับ 86,000 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยนักลงทุนมองว่า หุ้นกลุ่ม AI และบิตคอยน์อยู่ในกลุ่มการลงทุนประเภทเดียวกัน หรือการลงทุนในสินทรัพย์นวัตกรรม (innovation trade) ซึ่งเมื่อมูลค่าหุ้นและคริปโทเคอร์เรนซีเริ่มดูแพงเกินไป นักลงทุนจึงเริ่มเทขายทำกำไรทั้งในหุ้นเทคโนโลยีและบิตคอยน์ หลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปี
ปรากฏการณ์ "ซานต้า แรลลี่" มักผลักดันให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงช่วงหลังปีใหม่ โดยซานต้า แรลลี่จะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยเกิดขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมถึง 2 วันแรกของปีใหม่
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ซานต้าอาจจะไม่เดินทางมายังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปีนี้
'ดิฉันไม่รู้ว่าเราจะได้เห็น "ซานต้า แรลลี่" หรือไม่ แต่ที่เราจะได้เห็นอาจจะเป็นหลุมแห่งความผันผวนอีกครั้ง หรือการพุ่งขึ้นของความผันผวน'
'ไม่มีเดือนไหนในปีนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวเหมือนอย่างที่เคยเป็นในอดีต' เอมี่ วู ซิลเวอร์แมน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารอนุพันธ์ที่ RBC Capital Markets กล่าว และเสริมว่า มีแนวโน้มเชิงลบมากขึ้นในตลาดออปชั่น เนื่องจากนักลงทุนซื้อการป้องกันความเสี่ยงช่วงขาลง แทนที่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งตามฤดูกาลของหุ้น
มีหลายเหตุผลที่ทำให้ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ปกติสำหรับตลาดหุ้น ได้แก่ การที่ DeepSeek ฉุดตลาดในเดือนกุมภาพันธ์, การประกาศภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนเมษายน และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาด และอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในเดือนธันวาคมนี้
โอมาร์ อากีลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Schwab Asset Management มองเห็นความเสี่ยงคล้าย ๆ กันที่อาจเกิดขึ้น
'เรามองเห็นความแตกต่างและความเบี่ยงเบนหลายอย่าง' อากีลาร์กล่าว โดยระบุถึงความไม่ต่อเนื่องของการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคหลังมีการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการมีสัญญาณการหมุนเวียนของหุ้นที่เป็นผู้นำในหลายภาคธุรกิจ
'โอกาสที่จะมีตัวเร่งให้ตลาดขับเคลื่อนมากขึ้นดูเหมือนจะไม่มากนักในครั้งนี้' อากีลาร์กล่าว
และแม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาด แต่อากีลาร์กล่าวว่า สิ่งนี้ยังคงไม่แน่นอน
'บางทีการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจช่วยขับเคลื่อนตลาด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม' อากีลาร์กล่าว