ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 185.13 จุด หวังเฟดหั่นดอกเบี้ย-หุ้น Boeing พุ่งหนุนตลาด

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 3, 2025 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (2 ธ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้น Boeing และหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,474.46 จุด เพิ่มขึ้น 185.13 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,829.37 จุด เพิ่มขึ้น 16.74 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,413.67 จุด เพิ่มขึ้น 137.75 จุด หรือ +0.59%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 89.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นมากที่สุดในดัชนี S&P500 โดยเพิ่มขึ้น 0.87% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.84% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด โดยดิ่งลง 1.28% ตามด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.82%

หุ้น Boeing ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 10.1% และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์มากที่สุด หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 และ 787 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของหุ้น Boeing ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นด้วย

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Apple, Nvidia และ Microsoft ขณะที่หุ้น Intel ก็ดีดตัวขึ้นเช่นกัน

หุ้นกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นตัวหลังจากราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Strategy พุ่งขึ้น 5.8% และหุ้น Coinbase บวก 1.3%

หุ้น Warner Bros Discovery พุ่งขึ้น 2.8% หลังได้รับข้อเสนอซื้อกิจการรอบที่สองจากบริษัทหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงข้อเสนอจาก Netflix

หุ้น Procter & Gamble ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดแทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะประกาศชื่อผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่สื่อรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวและเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ เป็นตัวเก็งในการนั่งตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มตลาดนั้น ข้อมูลจาก Stock Trader's Almanac ระบุว่า เดือนธ.ค.มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 1% ในเดือนดังกล่าว ส่งผลให้เดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปี นับตั้งแต่ปี 2493

ด้านนักวิเคราะห์ของ BNP Paribas คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2569 ดัชนี S&P500 จะปิดที่ระดับ 7,500 จุด เนื่องจากคาดว่าความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ