ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ (3 ธ.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,882.90 จุด เพิ่มขึ้น 408.44 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,849.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.35 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,454.09 จุด เพิ่มขึ้น 40.42 จุด หรือ +0.17%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 47,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากที่สุด
ด้าน S&P Global เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.1 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 55.0 จากระดับ 54.8 ในเดือนต.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเหล่านี้ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 87%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.83% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.27% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวลง 0.42% และ 0.32% ตามลำดับ
ความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังช่วยหนุนดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำ พุ่งขึ้นเกือบ 2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 5.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
ในระหว่างวัน ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง หลังจากหุ้น Microsoft ดิ่งลง 3% จากรายงานข่าวที่ว่าบริษัทได้ปรับลดโควตาการขายซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากพนักงานขายจำนวนมากไม่สามารถทำยอดขายได้ถึงเป้าในปีงบการเงินที่สิ้นสุดเดือนมิ.ย. แต่จากนั้นไม่นาน Microsoft ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งช่วยให้หุ้นของบริษัทลดช่วงลบ โดยปิดลดลง 2.5% อีกทั้งยังช่วยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวสู่แดนบวก
หุ้น Marvell Technology พุ่งขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทผลิตชิปรายนี้ประกาศซื้อกิจการ Celestial AI ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยข้อตกลงมูลค่า 3.25 พันล้านดอลลาร์
หุ้น Microchip Technology พุ่งขึ้น 12.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3
ส่วนหุ้น American Eagle Outfitters ทะยานขึ้น 15.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายรายปี โดยคาดว่าความต้องการสินค้าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุด
นักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยล่าสุดมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกการสัมภาษณ์ผู้เข้ารอบสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวและเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานเฟดแทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยแฮสเซตต์มีจุดยืนสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)