ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (19 ธ.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มกลาโหมและกลุ่มประกันภัย หลังนักลงทุนกลับมามีมุมมองเชิงบวกอีกครั้ง ท่ามกลางจำนวนวันซื้อขายที่เหลืออยู่ไม่มากก่อนสิ้นปี หลังตลาดเผชิญแรงเทขายไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 587.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.15 จุด หรือ +0.37% และปิดบวก 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,151.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.74 จุด หรือ +0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,288.40 จุด เพิ่มขึ้น 88.90 จุด หรือ +0.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,897.42 จุด เพิ่มขึ้น 59.65 จุด หรือ +0.61%
ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มทำผลงานรายปีดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง และการที่นักลงทุนทั่วโลกกระจายการลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง
หุ้นกลุ่มการบินอวกาศและการป้องกันประเทศ นำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่เพิ่มขึ้น 0.8% โดยหุ้นธนาคารในสหราชอาณาจักร ได้แก่ Standard Chartered, Barclays และ HSBC ต่างปรับขึ้นในช่วง 0.9%-1.4%
ดัชนีกลุ่มธนาคารปรับขึ้นแล้ว 65% นับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่กลุ่มกลาโหมเพิ่มขึ้นเกือบ 60%
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้น Puma, Adidas และ JD Sports ร่วงลงระหว่าง 1.2%-3.5% หลังหุ้น Nike ปรับตัวลงจากผลกระทบของยอดขายในจีนที่อ่อนแอในผลประกอบการรายไตรมาส
ตลาดหุ้นฟื้นตัวในวันพฤหัสบดี หลังเผชิญแรงขายจากหุ้นเทคโนโลยีติดต่อกัน 2 วัน หลังข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากกว่าคาด ช่วยหนุนความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงจุดยืนเชิงคุมเข้มนโยบายการเงิน
หุ้น Carnival ที่จดทะเบียนในตลาดลอนดอน ปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในวันดังกล่าว โดยพุ่งขึ้น 16.6% ขึ้นเป็นหุ้นที่ทำผลงานดีที่สุดในดัชนี STOXX 600 หลังบริษัทคาดการณ์กำไรประจำปีในเชิงบวก และกลับมาจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสอีกครั้ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดยังตอบรับเชิงบวกต่อการตัดสินใจของสหภาพยุโรปในการระดมเงินกู้เพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ให้ยูเครน หลังมีการอนุมัติการใช้หนี้ร่วมกัน โดยหลีกเลี่ยงแผนที่มีข้อถกเถียงทางกฎหมายในการนำทรัพย์สินของรัสเซียมาใช้